การเมืองเรื่อง "อีช่อ" และ "Animal Farm"!!
นายจักรยาน
สถานการณ์การเมืองในห้วงระยะเวลานี้ เชื่อว่าทุกคนเบื่อ ๆ อยาก ๆ เรื่องการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลที่มี "พรรคพลังประชารัฐ" เป็นแกนนำ
เหตุที่ประชาชนเบื่อ ก็เพราะใช้เวลาในการงัดวิชาเขี้ยวในการต่อรองกระทรวงเกรดเอ ระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับ พรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคภูมิใจไทย
สำหรับเหตุที่ "อยาก" ก็คือ อยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะตั้งรัฐบาลจบสิ้นเสียที
แม้ "พรรคพลังประชารัฐ" จะยกขบวนขันหมากไปสู่ขอมาร่วมหอเป็นรัฐบาล "ลุงตู่ 2" ด้วยบรรยากาศที่มีภาพเปื้อนยิ้มกันชื่นมื่น
แต่ข้างหลังภาพยังมีการเล่นแง่สร้างเงื่อนไขแบบงูเงี้ยวเขี้ยวขอ เพราะกระทรวงเกรดเอที่ "พรรคประชาธิปัตย์" และ "พรรคภูมิใจไทย" หวังไว้จะไม่ได้ตามขอ
ดังนั้นการดีลจัดตั้งรัฐบาลกับทั้ง 2 พรรคจึงต้องยุ่งเป็นฝอยขัดหม้อ!!
ณ ขณะนี้ยังเดาทิศทางไม่ถูกว่า การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลจะแฮปปี้เอ็นดิ้ง ก่อนที่จะมีการเลือก "นายกรัฐมนตรี" ในที่ประชุมรัฐสภาหรือไม่??
หรือว่าจะเป็นไปตามกระแสข่าวที่ปูดออกมาว่าให้เลือก "นายกรัฐมนตรี" ก่อนเพื่อลองวัดใจ 2 พรรค แล้วค่อยมาพูดจาภาษาเขี้ยว ๆ กันต่อให้เป็นที่ยุติปัญหาเรื่องกระทรวงเกรดเอ
ระหว่างที่ประชาชนอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ รอดูโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ว่ามีใครเป็นใครมาเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงต่าง ๆ ก็มีเหตุอื่นเข้ามาแทรกซ้อนให้วิพากษ์วิจารณ์กันสนุกปาก
เรื่องแรกเป็นที่ฮือฮาไปทั่ว คือมีศัพท์ทางการเมือง "อีช่อ" อุบัติขึ้นมาให้เป็นที่กล่าวขานกันให้หายซีเซียสจากการเมืองที่ต้องยุ่งไปทุกเรื่อง
ซึ่งคำว่า "อีช่อ" ท่าน ส.ส.หญิงผู้ทรงเกียรติแห่งราชบุรี จาก "พรรคพลังประชารัฐ" ได้อรรถาธิบายว่าเป็นภาษาถิ่่นของชาวราชบุรีที่แปลว่าไม่ทำตามกฎเกณฑ์ ไม่มีระเบียบวินัย แต่คนราชรีถึงกับงงว่ามีคำนี้ด้วยหรือ
ผู้เชี่ยวชาญทางภาษาศาสตร์ค้นคว้าหาข้อมูลตั้งสมัยดึกดำบรรพ์ สุโขทัย อยุธยา มาจนถึงยุคปัจจุบันนี้ ก็ไม่พบคำว่า "อีช่อ" แต่ประการใด
อย่างไรก็ตามก็ต้องขอขอบคุณ ส.ส.หญิงท่านนั้นที่ได้บัญญัติศัพท์ทางการเมืองขึ้นมาใหม่ในยุคดิจิทัลนี้ และก็เชื่อว่าจะเป็นคำฮิตที่จะหยิบยกขึ้นมาเสียดสีทางการเมืองเรื่องยุ่ง ๆ ในวาระและโอกาสต่าง ๆ
เรื่องที่สอง อาจมาจากเหตุที่ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" หงุดหงิดหัวใจที่การเจรจาต่อรองภาษาเขี้ยวการร่วมรัฐบาลไม่ลุล่วงสำเร็จสมประสงค์ จึงได้เสนอแนะให้ทุกคนอ่านหนังสือที่เป็นวรรณกรรมคลาสสิกอมตะ "Animal Farm" เพราะเป็นหนังสือที่ให้ข้อคิดและหลักคิดที่ดี ๆ ในทางการเมือง
ซึ่งเป็นหนังสือที่ได้เขียนไว้เมื่อปี พ.ศ.2488 จากปลายปากกาของ "จอร์จ ออร์เวลล์ " ที่เขียนเสียดสีการเมืองสะท้อนเหตุการณ์การปฏิว้ติของรัสเซีย ที่นำโดยสตาลิน นำระบบคอมมิวนิสต์มาใช้ปกครองประเทศอย่างเข้มข้น กดขี่้ชนชั้นกรรมาชีพ โดยใช้ตัวละครเป็นสัตว์ต่าง ๆ มี "หมู" เป็นผู้นำปฏิวัติโค่นล้มเจ้าของฟาร์มที่เป็นมนุษย์
หนังสือ "Animal Farm" ได้มีการแปลเป็นภาษาไทยมานานจากนักแปลหลาย ๆ คนที่ให้ชื่อพากษ์ไทยแตกต่างกันไป เช่น "ฟาร์มเดรัจฉาน" "การเมืองของสรรพสัตว์" "สงครามกบฎของสรรพสัตว์" "รัฐสัตว์" หรือ "สัตว์รัฐ" เป็นต้น
แต่ถ้าจะมีนักแปลคนใหม่มาถ่ายทอดเป็นภาษาไทยในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง ก็อยากขอเสนอให้ใช้ชื่อว่า "สัตว์ปฏิว้ติ" ดีไหมท่านที่เคารพ!!
หลายฝ่ายได้มีการวิเคราะห์เจาะลึกว่าทำไม "ลุงตู่" ถึงได้แนะนำให้อ่านหนังสือ "Animal Farm" ทั้ง ๆ ที่เป็นหนังสือเสียดสีเผด็จการที่ "ลุงตู่" กำลังโดนโจมตีอยู่ทุกวันในการสืบทอดอำนาจ
หรือเป็นการส่งสัญญาณให้การจัดตั้งรัฐบาล "ลุงตู่ 2" จบด้วยโดยเร็ว ถ้าชักช้าไปประชาชนจะคิดว่าไม่ยึดประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก เพราะตกลงผลประโยชน์กันไม่ได้!!
ดังเช่นในหนังสือที่เขียนตอนที่ หมูชราภาพที่เป็นห้วหน้านำการปฏิวัติยึดอำนาจใกล้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิตหมูว่า "จงจำไว้ว่าอุดมการณ์ของพวกเจ้าจะต้องไม่หยุดชะงักลงไป ไม่มีการตกลงใด ๆ ที่จะทำให้พวกเจ้าหลงทาง อย่าได้ฟัง หากมีใครกล่าวว่ามนุษย์และสัตว์มีผลประโยชน์ร่วมกัน"
ไม่รู้เหมือนกันว่า "ลุงตู่" แนะนำเจาะจงไปถึงนักการเมืองให้อ่านกันทุกคนเพื่อที่จะได้คิดคิดและคิดหรือเปล่า
ถ้าใครที่ได้อ่านแล้วก็ต้องกลับไปอ่านทบทวนอีกคร้ัง แต่ใครยังไม่ได้อ่านก็ไปหาซื้อมาอ่าน เมื่อท่านผู้ทรงเกียรติได้อ่านแล้วจะเข้าใจเนื้อหาอย่างไร ก็เป็นความคิดของผูัอ่านแต่ละคน ห้ามกันไม่ได้
ใครจะตีความเนื้อหาใน Animal Farm ไปทางใดที่แตกต่างกัน ก็เป็นไปตามสะดวกสบายใจในแต่ละบุคคลที่มีความเห็นต่าง
แต่ที่แน่ ๆ "ลุงตู่" จะต้องโดนเสียดสีประชดประชันตลอดไปนับตั้งแต่ได้รับเลือกเป็น "นายกรัฐมนตรี" ตามโรดแม็พของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไปจนถึงวันที่ตกน้ำจากเก้าอี้
ก็ขออวยพรให้ "ลุงตู่" โขคดีจากสรรพมนุษย์การเมือง!!
Social Links