“การเมือง” กับ “เรตติ้ง” จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ??
อีก 4 เดือนก็จะสิ้นปี 2561 พอเริ่มต้นปี 2562 ไปประมาณ 2 เดือนก็จะมีการเลือกตั้งทั่วประเทศตามที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. ได้บอกเอาไว้
ประเทศไทยเราไม่ใช่ว่างเว้นการเลือกตั้งมาตั้งแต่ที่มีการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จนถึงปัจจุบันนี้ 5 ปีเศษ
แต่ได้ว่างเว้นการเลือกตั้งทั่วประเทศเมือปี 2544 ซึ่งผลการเลือกตั้งทำให้ “น้องปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของเมืองไทย
ดังนั้น ถ้าเป็นไปตามสัญญาวันเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562 ก็จะเป็นการเลือกตั้งครั้งใหญ่ในรอบ 7 ปีทีเดียว
ก็หวังว่าอย่าได้มีเหตุอะไรมาอ้างเรื่อย ๆ จนต้องเบี้ยวสัญญาประชาคมทั้งชาวไทยและชาวโลก เพราะไม่ส่งผลดีเลิศประเสริฐอะไรเลยต่อประเทศไทย และผู้นำไทย
แม้ว่าสถานการณ์การเมืองที่ คสช.คลายล็อกหลายประการให้พรรคการเมืองได้ทำกิจกรรมทางการเมืองที่สำคัญให้แต่ละพรรคเดินหน้าต่อไปได้
สำหรับการหาสมาชิกพรรค และการหาเสียงของพรรค ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะยังไง ๆ ก็มีการติดต่อพบปะพูดคุยกันหากันไว้อย่างเงียบ ๆ เพราะถ้าหาแบบโด่งดังก็จะขัดคำสั่ง คสข.
ส่วนการแต่งตั้งหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเช่นกัน เนื่องจากแต่ละพรรคมี “โพย” อยู่แล้วว่าใครจะมานั่งในเก้าอี้ใด
เรื่อง “ไพรมารีโหวต” ที่ให้ประชาชนในแต่ละจังหวัดมีส่วนร่วมในการคัดเลือกผู้แทนของแต่ละพรรคว่าใครเหมาะสมที่จะลงสมัคร ส.ส.ของพรรค ซึ่งแต่ละพรรคโวยวายว่าจะดำเนินการไม่ทันเวลา
ปัญหาดังกล่าวนี้ คสช.เป็นการผูกปัญหาขึ้นมาในการออกคำสั่งล็อกทางการเมือง จึงได้คลายล็อกใช้ ม.44 มาตราสารพัดนึก โดยให้มีคณะกรรมการสรรหาสมาชิกพรรคเป็นตัวแทนในการลงสมัครชิงชัย ส.ส.แต่ละจังหวัด
ผลปรากกฎว่า คสช.โดนพรรคการเมืองใหญ่เก่าโจมตีว่า เป็นการแก้เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่ โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ประกาศสนับสนุน คสช.สืบทอดอำนาจต่อไป
เรื่องของการเมืองก็ว่ากันไปแบบนี้แหละในทุกยุคสมัย โดยเฉพาะ คสช.ที่โดนโจมตีดิสเครดิตตลอด ก็เพราะพรรคการเมืองใหญ่บางพรรคถือว่า คสช.เป็นคู่แข่งทางการเมืองในการเลือกตั้งตามโรดแม็พ
ความเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ พรรคการเมืองเก่าหลาย ๆ พรรคก็ดำเนินการหาเรตติ้งให้แก่พรรคตนเองตามยุทธวิธีต่าง ๆ นานา
เพราะฉะนั้น การกล่าวหาและตอบโต้ในเรื่องการซื้อเสียงล่วงหน้าจากประชาชนในพื้นที่โคราช ก็ถือว่าเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางอ้อม เหมือนเป็นการสร้างเรตติ้งให้ผู้คนสนใจ
หรือการออกมาวิพากษ์วิจารณ์และพูดคุยในวงเสวนาต่าง ๆ ก็เป็นการสร้างเรตติ้งให้แก่ตนเองและพรรคเช่นกัน
ส่วนจะทำให้เรตติ้งพุ่งพรวดพราดหรือไม่ ก็ต้องติดตามดูเป็นระยะ ๆ เนื่องจากอะไร ๆ ก็ไม่แน่นอนตามกาลเวลา
ช่วงต้น ๆ เดือนกันยายนแม้จะมีฝนฟ้าถล่าถล่มเปียกชุ่มเย็นสบายกันทั่วโทย แต่ก็ไม่ทำให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. มีความสบายใจที่จะประกาศว่าจะกระโดดลงมาเล่นการเมืองสืบทอดอำนาจต่อไปหรือไม่
โดยขอดูกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และกฎหมายว่าด้วยทีมาของ ส.ว. ที่จะมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายก่อน รวมถึงการปลดล็อกทางการเมืองว่าสถานการณ์การเมืองจะเดินหน้าไปอย่างไร จึงค่อยตัดสินใจว่าจะเอาหรือไม่เอา
อ๊ะ อ๊ะ ต้องยอมรับความจริงกันว่า รายการ “เดินหน้าประเทศไทย” ช่วง 6 โมงเย็น เรตติ้งไม่ดี เพราะไม่ค่อยมีประชาชนให้ความสนใจรับชมทาง ทีวี.และฟังทางวิทยุ แบบติดกันงอมแงม
เรื่องเรตติ้งจะเป็นสาเหตุหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ “บิ๊กตู่” จึงได้ดึงดาราที่ประชาชนนิยมชมชอบมาร่วม”เดินหน้าประเทศไทย” โดยไม่คิดค่าตัวเป็นพิธีกรทุกเย็นวันเสาร์ โดยใช้ชื่อว่า “ร่วมใจสร้างไทยไปด้วยกัน”
เรา ๆ ท่าน ๆ ต้องติดตามดูว่า “ดารา” จะทำให้รายการ “เดินหน้าประเทศไทย- ร่วมใจสร้างไทยไปด้วยกัน” เรตติ้งจะเดินหน้าทะยานพุ่งขึ้นหรือไม่
แต่สำหรับ พี่ใหญ่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไม่สนเรตติ้งว่าจะเป็นอย่างไร สนับสนุนเต็มที่ให้ “บิ๊กตู่” ผู้น้อง เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก เพื่อทำงานให้จบ!!
“น้องตู่” น่าจะตามใจ “พี่ป้อม” นะ ปัญหาจะเอาหรือไม่เอาจะได้จบสวัสดีเสียที??
นายจักรยาน
Social Links