ก้าวไกลกว่าดิจิทัล ชู AI ยกระดับความมั่นคงทางการเงิน

ก้าวไกลกว่าดิจิทัล

ชู AI ยกระดับความมั่นคงทางการเงิน

Huawei เปิดตัวเฟรมเวิร์ก R-A-A-S ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อเร่งสถาบันการเงินสู่การยกระดับรับเทคโนโลยีดิจิทัลและอัจฉริยะแบบครบวงจรในยุค AI

ในงาน MWC Barcelona 2025 ทาง Huawei ได้นำเสนอแนวคิด ‘Beyond Digital, Resilience Empowers AI-Infused Finance’ (ก้าวไกลกว่าดิจิทัล สร้างความมั่นคงด้วยการเงินที่ขับเคลื่อนด้วย AI) พร้อมเปิดตัวเฟรมเวิร์ก R-A-A-S ซึ่งย่อมาจาก Reliability, Availability, Autonomy และ Security (ความน่าเชื่อถือ ความพร้อมใช้งาน ความเป็นอิสระ และความปลอดภัย) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยใช้ผลิตภัณฑ์ โซลูชัน และบริการ ICT ของ Huawei เฟรมเวิร์กนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยสถาบันการเงินสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และเร่งการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลและอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบในยุค AI

ผลักดันแวดวงการเงินก้าวสู่ยุค AI อย่างเต็มตัว

Jason Cao ซีอีโอกลุ่มธุรกิจการเงินดิจิทัลของ Huawei ได้กล่าวเปิดงานฟอรัมการเงินของ Huawei ว่า “การพัฒนา AI เป็นกระแสที่ไม่อาจหยุดยั้ง และนวัตกรรมทางการเงินก็ไม่เคยหยุดนิ่ง อุตสาหกรรมการเงินทั่วโลกกำลังเปลี่ยนจากการ “ทำดิจิทัล” เป็น “ทำ AI” โดย AI กำลังเข้ามามีบทบาทในกระบวนการทำงานหลักทางการเงิน เปลี่ยนแปลงทั้งส่วนหน้า ส่วนกลาง และส่วนหลัง รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานอย่างลึกซึ้ง แต่ AI ก็มาพร้อมกับความท้าทายที่ไม่เคยเจอมาก่อนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน หากไม่มีความมั่นคงที่เพียงพอ เราก็จะไม่สามารถเปลี่ยนจากดิจิทัลไปสู่อัจฉริยะได้ เราต้องคว้าโอกาสจาก AI เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมทางธุรกิจ พร้อมกับเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้แข็งแกร่ง เพื่อรับประกันความมั่นคงในยุค AI”

ก้าวไกลกว่าดิจิทัล สร้างความมั่นคงด้วยการเงินที่ขับเคลื่อนด้วย AI        Alvin Feng ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขายโซลูชันระดับโลกประจำหน่วยธุรกิจการเงินดิจิทัลของ Huawei กล่าวในสุนทรพจน์หลักของเขาในงานฟอรัมนี้ว่า “การที่ AI พัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วนั้นสร้างทั้งโอกาสและความท้าทาย ซึ่งต้องการมาตรฐานโครงสร้างพื้นฐานที่สูงขึ้นไปอีกระดับ บนพื้นฐานของเป้าหมาย 4 ศูนย์ (หยุดทำงานเป็นศูนย์ รอเป็นศูนย์ ความไว้ใจเป็นศูนย์ สัมผัสเป็นศูนย์) ที่ประกาศในงาน MWC 2024 นั้น Huawei เปิดตัวเฟรมเวิร์ก R-A-A-S ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสร้างรากฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งสำหรับภาคการเงิน ด้วย 4 คุณสมบัติหลักคือ ความน่าเชื่อถือ ความพร้อมใช้งาน ความเป็นอิสระ และความปลอดภัย”

1. ความน่าเชื่อถือรับประกันว่าข้อมูลจะไม่สูญหาย ด้วยระบบจัดเก็บแบบสำเนาหลายชุด การซิงโครไนซ์แบบเรียลไทม์ และการประสานงานข้ามโดเมนระหว่างระบบจัดเก็บ ประมวลผล และเครือข่าย
2. ความพร้อมใช้งานลดการหยุดชะงักของบริการให้เหลือน้อยที่สุด ด้วยฐานข้อมูลแบบเซลล์ กลุ่มไมโครเซอร์วิส และบริการคลาวด์แบบหลายศูนย์ที่ทำงานพร้อมกัน ทำให้มั่นใจได้ถึงความพร้อมใช้งานของระบบที่ 99.999%
3. ความเป็นอิสระลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ให้เป็นศูนย์ ระบุข้อผิดพลาดได้ภายใน 1 นาที หาตำแหน่งข้อผิดพลาดได้ภายใน 5 นาที และแก้ไขข้อผิดพลาดได้ภายใน 10 นาที โดยในสภาพแวดล้อม IT ที่ซับซ้อนขึ้นนั้น เทคโนโลยีดิจิทัลทวินและ AI ของเราช่วยให้การจำลอง สังเกต หาตำแหน่ง และแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างชาญฉลาด สร้างระบบ AIOps ที่ทำงานครอบคลุมผู้ให้บริการและโดเมนต่าง ๆ ทั้งคลาวด์ เครือข่าย และความปลอดภัย
4. ความปลอดภัยสร้างระบบป้องกันเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วย AI ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ปลายทาง เอดจ์ และคลาวด์ การทำงานร่วมกันระหว่างคลาวด์ ระบบจัดเก็บ และเครือข่าย รวมถึงการจัดการนโยบายความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ ระบบนี้สามารถระบุและบล็อกการโจมตีทางไซเบอร์ได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาที เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูล

Huawei เปิดบริการออกแบบเฟรมเวิร์ก R-A-A-S ที่ขับเคลื่อนด้วย AI รวมถึงนำเสนอโซลูชันผลิตภัณฑ์แบบครบวงจร ทั้งด้านการประมวลผล ระบบจัดเก็บข้อมูล เครือข่าย และคลาวด์ เพื่อช่วยลูกค้าในภาคการเงินสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษในยุค AI

“ปัจจุบัน Huawei ได้ให้บริการแก่ธนาคารชั้นนำระดับท็อป 100 ของโลกถึง 53 แห่ง ครอบคลุมลูกค้าในภาคการเงินกว่า 3,700 ราย ในกว่า 80 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก” Alvin Feng กล่าวในที่สุด