คนป่วยยังมีหมอ สังคมป่วยใครจะรักษา

คนป่วยยังมีหมอ สังคมป่วยใครจะรักษา

คนป่วยยังมีหมอ สังคมป่วยใครจะรักษา

          ผัวยิงเมียกลางห้าง

          เหตุง้อคืนดีไม่ได้ เพราะตัวเองไปมีเมียอีกคน เมียเลยขอเลิก

          แม่จ้างฆ่าลูกชายแท้ๆ

          เพราะลูกติดยา อาละวาดทุบตีอยู่บ่อยๆ

          หนุ่มต่อยฝรั่งมัดเดียวจอด เหตุวิวาทกันกลางถนน

          พ่อข่มขืนลูก ครูตบลูกศิษย์ฟันร่วง พระข่มขืนสีกา………..ฯลฯ

            ………………………………………………………………………..

           

            ยังไม่นับ ข่าวปล้นฆ่า ว่ากันกลางวันแสกๆก็มี จี้กันกลางชุมชนก็มี เงินไม่กี่ร้อย ไม่กี่พัน ก็ปล้นฆ่ากันไม่เว้น

            ใครที่ติดตามข่าวทั้งในโลกโซเซียลหรือในโลกสื่อดั้งเดิมในสายพันธ์ต่างๆ มักจะหลีกลี้หนีข่าวเหล่านี้ไม่พ้น

            แถมดูว่า จะมากขึ้น และมากขึ้นทุกวี่ทุกวัน

            สาเหตุคงไม่มีอะไรจะปฏิเสธได้ จากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ จากปัญหาสังคมขั้นฐานราก มาตั้งแต่สถาบันครอบครัวที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง สู่โรงเรียนสถานบ่มเพาะผู้คน และวัด สถานที่บ่มจิตใจ

            ทุกวันนี้ ดูจะเปลี่ยนไป ผู้คนที่เคยเข้าวัด จากเพื่อสงบจิต สงบใจ ให้ร่มเย็น ก็เข้าวัดเพื่อหาเลขเด็ด หาโชคลาภ จากละตัณหา กลายเป็นแสวงหาตัณหาไม่จบสิ้น

            โรงเรียนเองก็มุ่งสอนให้คนเก่งมากกว่าคนดี แม้แต่พ่อแม่ผู้ปกครองเอง ก็ดูจะไม่แตกต่างกัน ไม่งั้นโรงเรียนกวดวิชาคงไม่ผุดเป็นดอกหญ้า และร่ำรวยเป็นแถบๆกันอย่างที่เห็น

            ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ ปัญหาทุกอย่าง ต่างรับรู้กันอย่างดี แต่ที่ขาดหายไป ไม่มีใครเสนอหน้าก๋ากั๋นออกมาซักราย

          ก็คือ “คนแก้”

            ปัญหาจึงบานเบอะ จนกระทรวงที่มีหน้าที่โดยตรง คือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เอาไม่อยู่แน่

          งานนี้ต้องบูรณาการอย่างมุ่งมั่นกับกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีกระทรวงวัฒนธรรมคอยฉีดวัคซีนความเป็นไทยไว้ป้องกันโรควัตถุนิยม เพื่อผนึกคำว่า บ้าน วัด โรงเรียน ให้ไปในทิศทางเดียวกัน จากนั้นค่อยๆแกะแต่ละปัญหาออกมาคลี่และแก้ไข

          ไม่มีคำว่าสายเกินไป แต่ถ้ายังไม่เริ่มแก้ในวันนี้ ก็ลบคำว่าปฏิรูปประเทศทิ้งได้เลย!!

You may also like

แมงดีแห่งกะลาแลนด์ 2