คอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ เหยื่อของสหรัฐฯในสงครามรัสเซีย – ยูเครน

คอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ เหยื่อของสหรัฐฯในสงครามรัสเซีย – ยูเครน

คอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ เหยื่อของสหรัฐฯในสงครามรัสเซีย – ยูเครน

ผศ.ดร.กฤษฎา พรหมเวค

คณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

เป็นข่าวใหญ่อีกครั้งเมื่อวันพุธที่ 10 พฤษภาคม  ปี ค.ศ. 2023 ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ประกาศว่าจะอนุญาตให้มีการโอนเงินของนายคอนสแตนติน วาเลอรีวิช มาโลเฟเยฟ «Константин Валерьевич Малофеев» เศรษฐีชาวรัสเซียที่ถูกยึดไว้ไปยังยูเครนเพื่อการฟื้นฟูประเทศเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่รัฐสภาสหรัฐฯ อนุมัติการแก้ไขกฎหมายที่เสนอโดยนายลินด์เซย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกัน ซึ่งจะอนุญาตให้มีการโอนทรัพย์สินที่ยึดมาจากผู้มีอำนาจในรัสเซียเนื่องจากการคว่ำบาตรยูเครนในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2022

โดยนายเมอร์ริก การ์แลนด์ (Merrick Garland)  อัยการสูงสุดของสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งอนุญาตให้โอนทรัพย์สินของผู้มีอำนาจในรัสเซียไปยังยูเครนเป็นครั้งแรก โดยนายเมอร์ริก การ์แลนด์กล่าวว่าเงินที่ยึดได้จะตกเป็นของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ “เพื่อสนับสนุนประชาชนชาวยูเครน” และนายเมอร์ริก การ์แลนด์ยังได้กล่าวเสริมอีกว่า “แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ ส่งเงินที่ยึดมาจากรัสเซียเพื่อสร้างยูเครนขึ้นมาใหม่ แต่มันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย”

ในขณะที่นายอังเดร คอสติน (Andriy Kostin) อัยการสูงสุดยูเครน ยินดีกับการที่จะเห็นการโอนทรัพย์สินที่ถูกยึดมูลค่า 5.4 ล้านดอลลาร์ไปสู่ “การสร้างยูเครน” และ“รู้สึกยินดีที่ได้เห็นกฎหมายใหม่ที่มีเป้าหมายในการยึดทรัพย์สินผิดกฎหมายของผู้มีอำนาจในรัสเซีย”  นายอังเดร คอสตินยังกล่าวเสริมอีกว่า “ผู้กระทำความผิดต้องชดใช้สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น”

โดยนายคอนสแตนติน วาเลอรีวิช มาโลเฟเยฟผู้ก่อตั้งช่องทีวี Tsargrad TV «Царьград» อยู่ในรายชื่อบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กล่าวหาว่าเขาละเมิดมาตรการคว่ำบาตรที่บังคับใช้กับรัสเซียสำหรับการโจมตีทางทหารในยูเครน ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า มาโลเฟเยฟให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ชาวรัสเซีย โดยยุยงให้เกิดความรู้สึกแบ่งแยกดินแดนในไครเมีย โดยกล่าวหาว่าเศรษฐีชาวรัสเซียถือเป็นหนึ่งในแหล่งเงินทุนหลักสำหรับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่รัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครน และในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2022 บทลงโทษของเขาถูกขยายออกไป กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำเครือข่ายของบุคคลและหน่วยงานประมาณ 40 แห่งที่นำโดย นายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “Transcapitalbank” «Транскапиталбанк» ซึ่งระบุว่าถูกใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตร  โดยทรัพย์สินหลายล้านรายการที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดการคว่ำบาตรของนายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟถูกจับกุมในบัญชีของหนึ่งในสถาบันการเงินของอเมริกา” ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2022 ที่ผ่านมา สิ้นปี ค.ศ. 2022 อัยการแถลงในศาลว่าพวกเขามีสิทธิ์ที่จะยึดเงินในบัญชีของนายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ ที่อยู่ในธนาคาร Sunflower ในเมืองเดนเวอร์ เนื่องจากนายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟพยายามละเมิดการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ โดยการจำหน่ายจ่ายโอนทรัพ์สินเหล่านั้นไปยังพันธมิตรทางธุรกิจของเขาในยูเครน จนหลายคนสงสัยว่านายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟคือใคร มีความสำคัญอย่างไร ทำไมจึงถูกสหรัฐฯเล่นงาน วันนี้ผมจะมาเล่าให้ทุกท่านฟังโดยมีรายละเอียดดังนี้

นายคอนสแตนติน วาเลอรีวิช มาโลเฟเยฟ เกิดเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1974 ในเมืองพุชชิโน «Пущино» ภูมิภาคมอสโก «Московской области» ในครอบครัวที่ชาญฉลาดโดยแม่ของเขาเป็นโปรแกรมเมอร์และพ่อเป็นนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ เขาจบการศึกษาจากโรงเรียนด้วยเหรียญเงิน

ในปี ค.ศ. 1991 – 1996 เขาเข้าศึกษาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอสโก Moscow State University ซึ่งตั้งชื่อตาม M.V. Lomonosov และจบการศึกษาทางด้านกฎหมายมหาชน ในขณะที่ศึกษาในชั้นปีที่สี่เขาเริ่มสนใจในศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์

เขาเริ่มต้นอาชีพของเขาในด้านวาณิชธนกิจ โดยครั้งแรกเขาทำงานเป็นทนายความที่ Renaissance Capital «Ренессанс капитала» และช่วยบริษัทซื้อหุ้นใน Novolipetsk Iron and Steel Works (NLMK) ในช่วงวิกฤต ปี ค.ศ. 1998 เขาตกงาน จึงได้หันไปเปิดบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนในยูเครน แต่สิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปอย่างที่คิด หลังจากเปลี่ยนงานหลายแห่ง เขาเป็นหัวหน้าบริษัทนายหน้าที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก จากนั้นก็ย้ายไปเป็นหัวหน้าแผนกแผนกวาณิชธนกิจของ MDM Bank «МДМ банка» เป็นเวลาหลายปี

ต่อมาในปี ค.ศ. 2005 เขาก่อตั้งกองทุนการลงทุน Marshall Capital Partners ซึ่งมีเป้าหมายหารลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ การขนส่ง การผลิตอาหาร การค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์ โดยในปี ค.ศ. 2012 กองทุนฯ ดังกล่าวจัดการสินทรัพย์ได้ 1.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นกองทุนการลงทุนส่วนบุคคลที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย โดยเขารับผิดชอบทางด้านกลยุทธ์และการจัดการในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการ ในฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. 2010 เขากลายเป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อยรายใหญ่ที่สุดใน Rostelecom «Ростелекома» (เขาถือหุ้น 7.45% ซึ่งต่อมาในปี ค.ศ. 2013เขาขายให้กับ Mobitel «Мобител») ในเวลาเดียวกันนั้นนายอิกอร์ เชโกเลฟ «Игорь Щёголев» เพื่อนของเขากลายเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสาร

ในวงการอุตสาหกรรมนั้นนายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ ได้รับสมญานามว่า “พระคาร์ดินัลสีเทา” และพวกเขากล่าวว่าหากไม่มีเขาปัญหาที่สำคัญไม่มากก็น้อยก็จะได้รับการแก้ไข (ตัวอย่างเช่นเกี่ยวกับการกระจายความถี่) นายลีโอนิด ไรมาน «Леонид Рейман» อดีตที่ปรึกษาประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซียอ้างว่าเขาซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าตลาด และนางมารี เอลีน เบอร์ราร์ด (Marie-Helene Berard) ประธานบริษัทที่ปรึกษา MHB SA กล่าวว่านายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ อาจใช้เงินที่ได้มาจากการหลอกลวงนักลงทุนของ Marshall Capital เพื่อซื้อหุ้น ข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่มีผล

แต่หลังจากนั้นไม่นานในปี ค.ศ. 2007 นายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟก็ตกเป็นจำเลยในคดีอาญาเกี่ยวกับการฉ้อโกงด้วยเงินกู้จาก VTB ซึ่งเป็นธนาคารแห่งรัฐ โดยการออกเงินกู้จำนวน 255 ล้านดอลลาร์ฯ ให้กับผู้จัดการของ Marshall Capital สำหรับการซื้อโรงงานนมหกแห่ง ในความเป็นจริงมันเป็นข้อตกลงระหว่างบริษัทที่ควบคุมคือ Nutritek และ Rusagroprom «Нутритек» и «Русагропром» เมื่อผู้กู้หยุดจ่ายเงินปรากฏว่าหลักประกันสำหรับเงินกู้นี้มีราคาถูกกว่าที่ประกาศไว้ถึงห้าเท่า ภายในปี ค.ศ.2015 จำนวนหนี้ของ VTB สูงถึง 600 ล้านดอลลาร์ฯ  ในเดือนมีนาคมปี ค.ศ.2015  คู่สัญญาได้ลงนามในข้อตกลงยุติคดี เมื่อถึงเวลานั้นนายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ ได้ขายหุ้นของเขาใน Rostelecom แล้วโดยได้รับเงินมากกว่าสองหมื่นห้าพันล้านรูเบิล หลังจากนั้นเขาได้มุ่งความสนใจไปที่ชีวิตทางสังคมซึ่งเขาทำมาหลายปีควบคู่ไปกับธุรกิจ

ชีวิตสาธารณะของนายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ

ในตอนท้ายของปี ค.ศ.2010 นายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ ได้ก่อตั้งองค์กร Safe Internet League โดยพัฒนาร่างกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองเด็กจากข้อมูลที่ผิดกฎหมายและจำกัดการเข้าถึงข้อมูลบนเว็บไซต์ ในปี ค.ศ. 2012 มีการรวบรวมของไซต์ต้องห้ามในรัสเซีย จนถึงขณะนี้นางเอคาเทริน่า มิคาอิลอฟน่า มิซูลิน่า «Екатерина Михайловна Мизулина»หัวหน้าลีกก็ยังคงได้เขียนรายงานข้อร้องเรียนไปยังเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับคลิปและรายการทีวีที่ผิดกฎหมาย

ในปี ค.ศ. 2015 นายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ เปิดตัวช่องทีวี Tsargrad «Царьград» ของตัวเขาเองโดยได้รับความช่วยเหลือจากนายแจ็ค ฮานิค (Jack Hanick) อดีตผู้อำนวยการ Fox News แนวคิดของช่องคือ “นำเสนอข่าวจากมุมมองของคริสเตียน” โดยสื่อของเขามีชื่อเสียงจากบทความ “100 Russophobes of Russia” ช่องทีวี Tsargrad เผยแพร่เนื้อหาที่ค่อนข้างเสียดสีวิพากษ์วิจารณ์เจ้าหน้าที่ และยังเป็นที่จดจำจากการแพร่กระจายของทฤษฎีสมคบคิด นายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ เองได้พูดในอากาศเกี่ยวกับการคุกคามของการฉีดวัคซีนจำนวนมากและการทดลองบางอย่างที่ Bill Gates กำลังดำเนินการในช่วงที่มีการระบาดใหญ่  ช่องทีวีของเขาไม่เพียง “เปิดเผย” แต่แผนการของโลกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเปิดโปงลัทธิ “เสรีนิยม” อีกด้วย จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2020 YouTube จึงได้ลบบัญชี Tsargrad ออกไป ทำให้นายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟตอบโต้ด้วยการดำเนินการฟ้องร้อง ในปีค.ศ. 2022 บริการสื่อของช่องรายงานว่าตามคำตัดสินของศาลรัสเซียผู้ออกอากาศได้รับค่าปรับ 1 พันล้านรูเบิลจาก Google บริษัทสัญชาติอเมริกัน

นายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ ไม่เพียงแต่ออกรายการในช่องของเขาเท่านั้น แต่ยังไปออกอากาศในช่องของพวกอนุรักษ์นิยมต่างๆ ด้วย ตัวอย่างเช่น ณ สิ้นปี ค.ศ.2022 เขาได้เป็นผู้บรรยายใน Siberian Forum ของ World Russian People’s Council (VRNS) ซึ่งเขาได้กล่าววาจาที่น่าสนใจว่า “เสรีนิยมตายแล้ว แต่โชคไม่ดีที่พวกเสรีนิยมยังไม่ตาย” แม้ในความเป็นจริงแล้วเขาปรารถนาให้พวกนั้นเสียชีวิตก็ตาม นอกจากนั้นตัวนายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ เองก็มีแนวคิดจักรวรรดินิยมที่แข็งกร้าว ในปี ค.ศ.2017 เขาเป็นประธานของขบวนการ “สมาคมนกอินทรีสองหัวเพื่อการพัฒนาการศึกษาประวัติศาสตร์รัสเซีย” «Двуглавый Орел» ขบวนการนี้มองว่าเป้าหมายคือการคืนชีพของ “ราชาธิปไตยออร์โธดอกซ์”

นอกจากนี้เขายังก่อตั้งองค์กรทางศาสนาในเมืองเยคาเตรินเบิร์ก (Yekaterinburg) เขายังได้เปิดตัวอนุสาวรีย์ของพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ในเมืองเชเลียบินสค์ (Chelyabinsk) ซึ่งทำด้วยเงิน เขายังได้ให้ความช่วยเหลือลูก ๆ ของชาว Donbass ที่สูญเสียบิกามารดาจากการปราบปรามของชาวยูเครน และเขายังต่อสู้กับสถานการณ์การหวาดกลัวชาวรัสเซียหรือ “Russophobes” และการตีตราของฝั่งตะวันตกและผลักดันทฤษฎีสมคบคิดอย่างเปิดเผยในช่องทีวีของเขาเอง

นายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ และการเมือง

ในปี ค.ศ. 2012 นายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ พยายามที่จะดำรงตำแหน่งเป็นวุฒิสมาชิก เพื่อรับความคุ้มกันในคดีอาญา ในการทำเช่นนี้เขาต้องชนะการเลือกตั้งท้องถิ่นในภูมิภาค Smolensk ทำให้เกิดเรื่องราวอื้อฉาวโดยเขาต้องสงสัยว่าเข้าไปพัวพันกับการติดสินบนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง สถานะผู้สมัครรับเลือกตั้งของเขาเกือบจะถูกถอดถอนจากการลงคะแนนเสียง และในที่สุดก็มีบุคคลอื่นได้รับการเสนอชื่อให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาแทน

ต่อมาในปี ค.ศ 2014 สื่อต่างประเทศเรียกนายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟว่าเป็นผู้สนับสนุน “Russian Spring”

โดยนายอเล็กซานเดอร์ โบโรไดย์ «Александр Бородай» อดีตผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเขาได้กลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐประชาชนโดเนสต์ (Donetsk People’s Republic – DPR) และนายอิกอร์ เกอร์กิน «Игорь Гиркин» (สเตรลคอฟ) (Стрелков) หัวหน้าฝ่ายบริการรักษาความปลอดภัยของเขากลายเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสาธารณรัฐประชาชนโดเนสต์ ทำให้นายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟกลายเป็นหนึ่งในชาวรัสเซียกลุ่มแรกๆ ที่ตกอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ

ในปี ค.ศ 2017 สำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่านักธุรกิจออร์โธดอกซ์รายนี้เป็นผู้ประสานงานอย่างไม่เป็นทางการของมอสโกกับพรรคฝ่ายขวาของเยอรมนี โดยกล่าวหาว่าเขาเกี่ยวข้องกับพรรคทางเลือกในการต่อต้านผู้อพยพของเยอรมนี ก่อนหน้านี้ สื่อตะวันตกยังเขียนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมาโลเฟเยฟกับนางมารีน เลอ เปน นักการเมืองฝ่ายขวาของฝรั่งเศส

นายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ ยังกลายเป็นหัวหน้าองค์การระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาอธิปไตย (IASD) โดยองค์กรนี้เป็นผู้จัดสรรเงินเพื่อการพัฒนาไนเจอร์ กินี และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DRC)

ในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ 2019 นายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟได้เข้าร่วมพรรคการเมือง Just Russia โดยเขาควรจะเป็นผู้สนับสนุนหลักของพรรคการเมือง Just Russia แต่ความร่วมมือไม่สามารถไปด้วยกันได้ เนื่องจากสมาชิกพรรครู้สึกอายที่ นายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ “ทำตัวเหมือนผู้ซื้อในตลาดผัก” ทำให้เขาต้องถอนตัวจากพรรคการเมือง Just Russia

ในปี ค.ศ. 2022 นายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ เข้าร่วมพรรคมาตุภูมิหรือ Rodina ซึ่งมีพื้นฐานสำคัญในการสร้างพรรคสังคม-รักชาติที่มีแนวคิดใหม่ “โดยมีองค์ประกอบของอุดมการณ์ราชาธิปไตย””เรากำลังต่อสู้เพื่อค่านิยมและอุดมคติ เพื่อ Holy Rus ที่มีร่วมกัน เพื่อรัฐที่มีอายุนับพันปีของชาวรัสเซีย”

หน่วยสืบราชการลับของรัสเซียมีรายงานว่ากองกำลังความมั่นคงของยูเครนตั้งใจที่จะกำจัดนายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ ด้วยการวางระเบิดไว้ใต้รถของเขาตามแผนการเช่นเดียวกันกับที่ใช้ในการสังหารนางดาเรีย ดูกินา «Дарья Дугина» ลูกสาวของนายอเล็กซานเดอร์ ดูกิน «Александр Гельевич Дугин» นักปรัชญาชื่อดัง เมื่อเดือนสิงหาคมปี ค.ศ.2022 ที่ผ่านมา โดยผู้วางแผนลอบสังหารคือนายเดนิส คาปูสติน «Денис Капустин» ผู้ก่อตั้งกองกำลังอาสาสมัครรัสเซีย «Русского добровольческого корпуса – РДК» ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองพันนานาชาติซึ่งในการป้องกันดินแดนของกองทัพยูเครน ในเหตุการณ์นี้นายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟไม่ได้รับบาดเจ็บและยังยืนยันด้วยถ้อยคำอันชัดเจนว่า “ผมอยากรับรองกับคุณว่าไม่ว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้ ไม่ว่าภัยคุกคามหรือการโจมตีของผู้ก่อการร้าย ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อจุดยืนรักชาติที่กระตือรือร้นและจริงใจของผม”

นายดมิทรี เปสคอฟ «Дмитрий Песков» โฆษกของเครมลินกล่าวถึงการกระทำดังกล่าวของทางสหรัฐฯ เอาไว้ว่าทางสหพันธรัฐรัสเซียจะทำการตอบโต้ต่อการยึดทรัพย์สินของ นายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ  ที่ไม่ได้มาตรฐาน ของสหรัฐฯนายดมิทรี เปสคอฟ ยังกล่าวอีกว่า การตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่จะยึดทรัพย์สินของมาโลเฟเยฟนั้นผิดกฎหมายและจะบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐนี้ เขายังตั้งข้อสังเกตอีกว่ารัสเซียจะไม่ปล่อยให้การกระทำเหล่านี้ไม่ได้รับคำตอบจากวอชิงตัน และรัสเซียจะหา “หนทางตอบโต้การกระทำที่ไม่เป็นมาตรฐานต่อการยึดทรัพย์สินของนายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟ  ผู้ก่อตั้งช่อง Tsargrad TV โดยทางการสหรัฐฯ ในครั้งนี้ “ภายใต้สถานการณ์ปกติ เรื่องนี้ควรถูกฟ้องร้อง และมีความเป็นไปได้สูงที่จะชนะคดีนี้ <…> แต่เรา [ตอนนี้] ไม่มีโอกาสที่จะใช้สิทธิของเราในทางศาล” นายดมิทรี เปสคอฟยังกล่าวอีกว่ากล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะเป็นบูมเมอแรงกลับไปทำลายสหรัฐอเมริกาเองต่อไปในอนาคต

      นับว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการต่อสู้กันอย่างดุเดือดทางด้านการเงินไม่แพ้กับสงครามในสมรภูมิ ซึ่งชะตากรรมของนายคอนสแตนติน มาโลเฟเยฟจากการยึดทรัพย์ของสหรัฐฯ โดยส่งไปช่วยในการฟื้นฟูประเทศยูเครนนั้นทำให้เป็นที่สนใจจากนักธุรกิจทั่วโลก ถึงความไม่โปร่งใสในการยึดทรัพย์นักธุรกิจชาวรัสเซียครั้งนี้ ซึ่งอาจนำไปสู่การกะตุ้นการถอนเงินจากธนาคารสัญชาติสหรัฐฯ จากนักธุรกิจทั่วโลกและอาจลุกลามนำไปสู่วิกฤติการการล้มของธนาคารสหรัฐฯต่อไปในอนาคต

 

You may also like

เปิดตัวดัชนีชี้วัดความปลอดภัยของเด็ก บนโลกออนไลน์ทั้งในระดับชาติและระดับโลก

เปิดตัวด