ชะตากรรมเอสเอ็มอีไทย?

ชะตากรรมเอสเอ็มอีไทย?

            แต่ละปีรัฐบาลไทย โดยเฉพาะช่วง 3-4 ปีที่ คสช.เข้ามาบริหารประเทศ ได้ตั้งงบประมาณสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี ทั้งทางตรงและอ้อม…ปีละหลายหมื่นล้านบาท โดยเฉพาะการจัดหานักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญมาอบรมให้ความรู้ในด้านต่างๆ

            ทว่าข้อมูลเชิงลึกที่ “ทีมข่าวเศรษฐกิจ” สำนักข่าว ThaiBBCnews รู้มานั้น…งบประมาณส่วนใหญ่ หมดไปกับค่าดำเนินการของส่วนราชการ โดยเฉพาะสถานศึกษาที่ถูกมอบหมายให้ดูแลงบประมาณส่วนนี้กระจายกันไปทั่วประเทศ และงบค่าจ้างนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น

            เหลือเป็นเงินที่จะมาสนับสนุนให้ธุรกิจเอสเอ็มดีเติบโตอย่างเข้มแข็งจริงๆ ไม่ถึงร้อยละ 20

ประมาณว่า…งบจำนวนนับหมื่นล้านบาทก้อนนี้ เป็นไปเพื่อสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และต้องใช้ให้หมดในทุกๆ ปี อย่างอื่น…ไม่จำเป็นต้องสนใจ เนื่องจากมีงบประมาณตัวอื่น ผ่านโครงการอื่นๆ คอยดูแลเอสเอ็มอีอยู่แล้ว!!??

            หนึ่งในงบประมาณตัวอื่น ผ่านโครงการอื่นๆ มีธนาคารออมสินรวมอยู่ด้วย และนั่นทำให้ นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผอ.ออมสิน เดินหน้าได้อย่างมั่นใจ พร้อมกับย้ำว่า ปัจจุบันธนาคารออมสินมีวงเงินมากถึง 10,000 ล้านบาท รวมถึงการร่วมลงทุนหรือ Venture Capital เพิ่มอีก 2,000 ล้านบาท สำหรับการดูแล ช่วยเหลือ และส่งเสริมเอสเอ็มดี หลังจากรับภารกิจจากนโยบายรัฐบาลมาก่อนหน้านี้

            โดยปีหน้า (2561) ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีให้ได้ 80,000 ล้านบาท แต่คงมียอดเบิกจ่ายสินเชื่อจริงราว40,000 ล้านบาท แต่แค่นี้ก็จะทำให้ธนาคารออมสินมีสินเชื่อรวมถึง 100,000 ล้านบาทแล้ว เหตุที่ยอดสินเชื่อมีสูง นายชาติชาย บอกว่า เพราะออมสินมีเงินฝากรวม 2.3 ล้านล้านบาท จึงต้องเร่งหาช่องทางปล่อยสินเชื่อเพิ่มนอกจากรายย่อย สินเชื่อภาครัฐ โดยเฉพาะสินเชื่อเอสเอ็มอี ที่ตั้งเป้าจะปล่อยกู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 เน้นกลุ่มเป้าหมายวงเงินกู้ต่ำกว่า 50 ล้านบาท และมีนวัตกรรมในการผลิตสินค้าตามนโยบายรัฐ รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวชุมชน เช่น การรวมกลุ่มจัดทำโฮมสเตย์ ต้องมีทั้งที่พัก ร้านค้าชุมชน เพื่อสร้างรายได้ทั้งการท่องเที่ยวและขายสินค้าในระดับท้องถิ่น ตลอดจนสตรีทฟู้ด ฟู้ดทรัค เพื่อส่งเสริมคนรุ่นใหม่แนวคิดทันสมัยได้เติบโต

            น่าสนใจว่า…อนาคตของเอสเอ็มอีไทยจะเป็นอย่างไร? ในเมื่อการดูแลช่วยเหลือจากภาครัฐ หาได้มีนวัตกรรมใหม่ๆ อื่นใดมาใช้ นอกจากแนวทางและมาตรการเดิมๆ

หรือชะตากรรมของเอสเอ็มอีไทย ก็ไม่ต่างจากกลุ่มสหกรณ์ ที่ “เกิดขึ้นได้แต่ห้ามโต หรือโตได้แต่อย่าแข็งแรง”

“ทีมข่าวเศรษฐกิจ”

สำนักข่าว ThaiBCCnews