ณ วันนี้ การเมืองไทยไม่ใช่ 3 ก๊ก แต่กลายเป็น 2 ก๊ก??
การเมืองกับโลกโซเซียลมีเดียปัจจุบันนี้ต้องเป็นของคู่กันที่ไม่มีใครปฏิเสธได้
หลังจากที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. เผยความในใจว่า “สนใจงานการเมือง” ให้คนไทยทั้งประเทศได้รับรู้
ด้วยเหตุฉะนี้และฉะนั้น “บิ๊กตู่” จึงได้เปิดโลกโซเซียลมีเดียของตัวเองอย่างเป็นทางการว่าเป็นตัวจริงเสียงจริง ทั้งเฟซบุ๊ก อินสคราแกรม
ซึ่งวันแรกที่เปิดมีผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมดูเฟซบุ๊กของ “บิ๊กตู่” ทะลุหลักแสน และจะทะลุเป็นล้านในวันข้างหน้าแน่นอน
ซึ่งมีผู้ที่โพสต์ด่า ล้อเลียน และชื่นชม เชลียร์เชียร์ตามความรักความชังของแต่ละบุคคล อันเป็นธรรมดาทางการเมือง
แม้ว่า “บิ๊กตู่” จะอ้างเหตุผลว่าการเปิดโซเซียลมีเดียของตนเองว่า เป็นรับฟังความเห็นจากประชาชนต่าง ๆ ไม่ว่าจะด่าทอโจมตี หรือสนับสนุน เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาให้แก่ชาวบ้าน
แม้ว่าประธานคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) จะบอกว่าการเปิดเฟซบุ๊กของ “บิ๊กตู่” ไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะไม่ใช่การหาเสียง
แต่ที่แน่ ๆ ในแวดวงการเมืองเข้าใจตรงกันว่าคือ การ “หาเสียง” ของ “บิ๊กตู่” ที่หยั่งกระแสจากโซเซียลมีเดียในการสืบทอดเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่อที่จะไม่ถูกข้อครหาหรือโดนโจมตีให้เสียศักดิ์ศรีชายชาติทหาร
เพราะฉะนั้นเสียงเหน็บแนม เสียดสี รุมถล่ม หาเรื่อง ขุดคุ้ย ดิสเครดิต ผ่านทางเฟซบุ๊กของ “บิ๊กตู่” จะมีอยู่ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง
เชื่อว่า หลังจากที่กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้ในเดือนธันวาคม 2561 และเปิดให้พรรคการเมืองหาเสียงได้เต็มร้อย ก่อนถึงวันดีเดีย์เลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562
ศึกเลือกตั้งทางโลกไซเบอร์จะมีสารพัดรูปแบบที่ดุเดือดเลือดพล่านมีทั้งข่าวลวงข่าวหลอกข่าวเต้าและข่าวจริงผสมปนเป ใครได้อ่านแล้วสนุกสนานแน่นอน!!
สำหรับเรื่องสนุก ๆ ทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีการล็อกการเมืองบางอย่างไม่ให้มีพรรคการเมืองไหนได้รับคะแนนเสียงข้างมากที่จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้สบาย ๆ นั้น ก็จะมีงัดกลยุทธเกมการเมืองออกมาสู้กันเกินร้อย
เพราะ พรรคการเมือเก่า และคนการเมืองในยุค 4.0 ปัจจุบันนี้ได้ผ่านรัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตยครึ่งใบ ประชาธิปไตยฉบับเสี้ยวใบ และประชาธิปไตยฉบับเต็มใบ รวมถึงไม่มีรัฐธรรมนูญ จึงรู้เห็นอย่างทะลุปรุโปร่งที่จะหาทางพลิกเกมสู้กับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
“พรรคเพื่อไทย”ที่ไม่ว่าโพลสำนักไหนสำรวจมาก็ระบุว่าจะได้ ส.ส.มากที่สุด แต่ก็ไม่มากพอที่จะสู้ศึกชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในรัฐสภาได้
พรรคที่มีคำว่าเพื่อนำหน้าพรรคอีก 2 พรรคก็จัดตั้งขึ้นมาโดยศิษย์เก่าเพื่อไทย และสมาชิกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปข.) หรือ “เสื้อแดง” มากระจายอยู่ทั้ง 2 พรรค คือ “พรรคเพื่อธรรม” และ “พรรคเพื่อชาติ”
โดยแกนนำ นปช.ที่เป็นศิษย์เก่าเพื่อไทย ให้เหตุผลว่า เมื่อสมาชิก “นกหวีด” กปปส.(คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) ยังกระจายไปอยู่ทั้ง พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทยของ “นกหวีด” ตัวพ่อ
ทำไม นปช.จึงกระจายกำลังไปอยู่พรรคเพื่อ..ต่าง ๆ ไม่ได้!!(ฟังแล้วต้องฮา)
เลือกตั้งหลายครั้งก่อนที่จะมีการยึดอำนาจจากคุณสมชาย(คสช.) การบรรเลงศึกเลือกตั้งแต่ละครั้งก็จะเป็นการสู้กันระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” กับ “พรรคประชาธิปัตย์”
การเมืองที่ว่ากันว่าจะเป็นศึก 3 ก๊กในวันเลือกตั้งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 แต่สถานการณ์ในขณะนี้ได้แปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์กลายเป็น 2 ก๊ก
คือก๊ก กปปส. กับก๊ก นปช. โดยมี “บิ๊กตู่”เป็นตัวเต็งนายกรัฐมนตรีเหมือนเดิม!!
การเมืองหลังเลือกตั้งไปแล้วจะย้อนรอยมาแบบเดิม ๆ ที่ประชาชนเบื่อหน่ายเอือมระอา หรือเดินหน้าไปสู่ความใหม่ที่ประชาชนรู้สึกคึกคัก ซึ่ง ณ วันนี้ยังไม่มีใครเดาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
สำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ จะมีคนรุ่นใหม่ที่มีสิทธิเลือกตั้งเพิ่มขึ้นอีก 10 ล้านคนหรือ 10 ล้านเสียง
ว่ามาว่า 10 ล้านเสียงของคนรุ่นใหม่ที่จะมาเป็นตัวช่วยตัดสินชี้ชะตาการเมืองไทยว่าจะเดินหน้าใหม่ ๆ ไปในทิศทางไหนของโลกยุค 4.0??
ทราบแล้วเปลี่ยน!!
นายจักรยาน
Social Links