“นิกร”หวังจุดประกายเปลี่ยนแปลงทาง ศก. สร้างความหลากหลายทางการเมือง

“นิกร”หวังจุดประกายเปลี่ยนแปลงทาง ศก. สร้างความหลากหลายทางการเมือง

“นิกร”หวังจุดประกายเปลี่ยนแปลงทาง ศก. สร้างความหลากหลายทางการเมือง

            ป้ายหาเสียงที่เป็นที่สะดุดตาในครั้งนี้ เห็นจะเป็น ป้ายหาเสียงของ นิกร ซัจเดว ผู้สมัคร ส.ก. เขตวัฒนา หมายเลข 7 พรรคเพื่อไทย ด้วยลักษณะหน้าตาและการแต่งกายแบบชาวไทย-อินเดียน-ซิกข์ ที่เป็นคนแรกในรอบ 20 ปีของการเลือกตั้งสมาชิกสภา กรุงเทพมหานคร ทั้ง 50 เขต

            นายนิกร   ซัจเดว ผู้สมัคร  ส.ก. เบอร์  7  เป็นใครหลายคนสงสัยว่าเป็นคนไทยหรือเปล่า? จากการสอบถามทราบว่า เรียนจบที่โรงเรียนเซนต์แอนดรูว์ เป็นกรรมการ และกรรมการบริหารสมาคมอินเดียแห่งประเทศไทย ปัจจุบันเป็นนักธุรกิจในเขตวัฒนา เขาตัดสินใจลงสมัคร ส.ก. เพราะต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับเขตที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเชื้อชาติ  เห็นช่องทางในการพัฒนาเศรษฐกิจจากความหลากหลายเหล่านี้ รวมถึงต้องการเป็นตัวแทนของชาวไทย-อินเดียน สะท้อนภาพ Global Citizen ในวงการการเมืองไทย

            จากการลงพื้นที่และสอบประชาชนและผู้ประกอบการย่านสุขุมวิท เห็นว่าแม้เขาจะเป็นชาวไทยเชื้อสายอินเดีย ที่มีลักษณะการแต่งกายที่แตกต่างไปจากคนส่วนใหญ่ แต่เขาเข้าได้กับคนทุกกลุ่ม และได้รับการยอมรับทักทายอย่างเป็นกันเอง ไปตั้งแต่พี่น้องวินมอเตอร์ไซค์ คนรับรถตุ๊กตุ๊ก แท็กซี่ พ่อค้า นักธุรกิจ และคนที่สัญจรไปมา

            เขตวัฒนาถือว่าเป็นจุดที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมาก มีคนอาศัยอยู่ทุกเชื้อชาติ มีวัดของทุกศาสนา และมีงานทุกศาสนา เช่น ฮารีรายอสำหรับชาวมุสลิม ดิวาลีสำหรับชาวฮินดู วิสาขบูชาสำหรับชาวพุทธ เทศกาลกินเจสำหรับชาวไทยเชื้อสายจีน งานโฮลีของชาวอินเดีย งานวิสาขีของชาวซิกข์ เป็นต้น เรียกว่ามีเทศกาลได้ทั้งปี

            ขณะเดียวกันก็มีธุรกิจหลากหลายรูปแบบ จากผู้ประกอบการหลากหลายกลุ่ม และมีลูกค้าที่หลากหลายเชื้อชาติเช่นกัน ยกตัวอย่าง ซอยสุขุมวิท 11 ซอยเดียวมีทั้งร้านแลกเงิน ร้านตัดสูท ร้านตัดเสื้อผ้า ศิลปินมาวาดรูปขาย และมีอาหาร ทั้ง ไทย อินเดีย แม็กซิกัน อิหร่าน ฯลฯ ดังนั้นการเปลี่ยนให้เขตนี้เป็นเขตที่ต้อนรับความหลากหลาย โดยมีนโยบายตรงมาจาก กทม. จะยิ่งทำให้เกิดโอกาสทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นอีก เช่น มีคนมาเที่ยวและอยากมาลงทุนมากขึ้นทั้งคนไทยและคนต่างชาติ สนับสนุนให้แหล่งชุมชนของกลุ่มต่างๆ เข้มแข็ง เช่น สนับสนุนให้มีชุมชน Little India, Little Italy เป็นต้น

            และในช่วงที่เศรษฐกิจในประเทศถดถอยเพราะพิษโควิด-19 จนหลายร้านเจ๊งร้าง กทม. ต้องส่งเสริมให้คนในพื้นที่มีรายได้ เช่น ปกติถนนทองหล่อ นานา จะมีคนพลุกพล่านเฉพาะช่วงกลางคืนหรือช่วงวันทำงาน แต่เงียบเหงาเวลากลางวันของเสาร์และอาทิตย์ ควรจัดให้มีถนนคนเดิน ให้คนในพื้นที่ออกมาค้าขาย ควบคู่ไปกับการเฉลิมฉลองวันสำคัญของกลุ่มศาสนาหรือชาติพันธุ์ต่างๆ เพื่อเป็นการให้ความสำคัญกับพวกเขาไปในตัว

          นายนิกรฯ  กล่าวว่า"เวลาเรามีหลายๆ ชุมชน หลายๆ ศาสนา หลายๆ Communities หรือ Cultures อยู่ในที่เดียวกัน มันต้องมีการขัดแย้งกันอยู่แล้ว คือทำไมครับ เราต้องดูว่า เราจะให้ทุกวัฒนธรรมมีความสุขได้ยังไง คือการให้ทุกวัฒนธรรมมีความสุขนี่คือ เราต้องให้ความสำคัญทุกวัฒนธรรม รัฐบาลเก่าหรือเขตเก่า เขาไม่เน้นเรื่องจุดนี้ ความสุขของคน ความสุขของชุมชน ชุมชนมีความสุข ชีวิตก็มีความสุข" 

            พร้อมทั้ง ย้ำถึงนโยบายของพรรคเพื่อไทยและนโยบายของเขาที่ต้องการส่งเสริมความหลากหลายและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจด้วย นโยบาย 4 ส 2 ป คือ สะอาด สว่าง สะดวก สิ่งแวดล้อม โปรโมท และปลอดภัย เพราะด้วยความที่เป็นเขตที่มีความอินเตอร์ มีความหลากหลาย กทม. ต้องสร้างความปลอดภัยให้ทุกคนในเขต พร้อมยืนยันว่า หากเลือกตนเองเป็น ส.ก. จะเป็นจุดให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสะท้อนการยอมรับความหลากหลายอย่างแท้จริง

 

You may also like

เปิดตัวดัชนีชี้วัดความปลอดภัยของเด็ก บนโลกออนไลน์ทั้งในระดับชาติและระดับโลก

เปิดตัวด