น้ำมันดิบจะติดลบถึง 100 เหรียญ
มนูญ ศิริวรรณ
สัปดาห์ที่แล้วมีข่าวใหญ่ที่ทำให้วงการน้ำมันโลกสั่นสะเทือนคือ ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ซื้อขายกันในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์นิวยอร์ก (New York Mercantile Exchange-NYMEX) มีราคาติดลบถึง 37.63 $/bbl. ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในประวัติการซื้อขายน้ำมันของโลก
การที่ราคาซื้อขายน้ำมันติดลบนั้นหมายความว่า ผู้ซื้อนอกจากจะได้รับมอบน้ำมันไปฟรีๆแล้ว ยังจะได้แถมเงินไปอีกด้วย 37.63 $/bbl. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรับน้ำมันและหาที่เก็บน้ำมัน ณ จุดส่งมอบน้ำมันที่เมือง Cushing รัฐ Oklahoma
เหตุการณ์แบบนี้ย่อมไม่ใช่เป็นเรื่องธรรมดา เพราะโดยปกติแล้วแม้แต่ในสภาวะที่น้ำมันล้นตลาดหรือเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ เช่น วิกฤต 9/11 หรือวิกฤตการเงินโลก (Global Financial Crisis) ราคาน้ำมันก็ยังไม่ติดลบ โดยเฉพาะน้ำมันดิบ WTI ซึ่งเป็นน้ำมันดิบคุณภาพดีของสหรัฐฯ เป็นน้ำมันดิบชนิดเบา กำมะถันต่ำ (Light Sweet Crude) เคยมีราคาต่ำกว่า 10 $/bbl. เพียงครั้งเดียวในปีค.ศ. 1998 (22 ปีที่แล้ว)
เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
คำตอบก็คือ สถานการณ์ตลาดน้ำมันในสหรัฐฯขณะนี้อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มาก
หลายปีมานี้ สหรัฐฯผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นได้มากมายจากแหล่งน้ำมันดิบชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ในประเทศ
ทำให้สหรัฐฯกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก นำหน้ารัสเซียและซาอุดิอาระเบียไปแล้ว
แต่ถึงแม้จะผลิตน้ำมันดิบได้มากที่สุดในโลก จนกลายเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (จากเดิมที่เป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก) แต่ต้นทุนการผลิตของสหรัฐฯก็สูงกว่าของประเทศอื่นๆโดยอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 30-40 $/bbl.
เมื่อโลกต้องเผชิญกับภาวะวิกฤตโควิด-19 ทำให้ความต้องการน้ำมันลดลงทั่วโลกประมาณ 25-30%
แต่สหรัฐฯซึ่งเป็นประเทศอันดับหนึ่งที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดน่าจะกระทบมากกว่านั้น เพราะเป็นประเทศที่บริโภคน้ำมันมากที่สุดในโลก จึงคาดว่าความต้องการน่าจะลดลงมากกว่า 30%
การจัดหา (Supply) น้ำมันในสหรัฐฯนั้นมีมากกว่าความต้องการ (Demand) อยู่แล้ว เพราะเทคโนโลยีการสำรวจและผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil)
เมื่อยิ่งมาเจอกับสถานการณ์ COVID-19 ปริมาณน้ำมันยิ่งล้นตลาด และน้ำมันส่วนเกินก็ต้องถูกส่งไปเก็บไว้ในถังน้ำมันและที่เก็บตามที่ต่างๆ เช่น ในเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ (Super Tanker) ในรถไฟ แม้กระทั่งรถบรรทุก จนขณะนี้แทบจะไม่มีที่เก็บแล้ว
ดังนั้นเมื่อสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือนพ.ค.จะสิ้นสุดอายุลงในวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา
ใครที่ถือครองสัญญาอยู่ แต่ไม่ประสงค์จะรับน้ำมัน (เพราะไม่ได้มีอาชีพในการซื้อขายน้ำมันจริง) เช่น พวกกองทุนต่างๆ จึงต้องรีบขายสัญญานั้นออกมาก่อนวันหมดอายุ
แต่ก็หาคนรับซื้อได้ยากเต็มที เพราะน้ำมันมันล้นตลาดไปหมด แถมซื้อไปแล้วยังต้องไปหาที่เก็บที่หายากและราคาแพงอีกด้วย
ราคาน้ำมันจึงถูกกดลงมาจนติดลบถึง 37.63 $/bbl. อย่างที่เกิดขึ้น
แต่พอสถานการณ์เฉพาะหน้านั้นผ่านไป ราคาน้ำมันส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่เข้ามาแทนที่ก็กลับมาอยู่ที่ 20 $/bbl. อีกครั้ง
คำถามก็คือพอไปใกล้ๆหมดอายุสัญญาในปลายเดือนพ.ค. เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า
คำถามนี้มีผู้วิเคราะห์ออกมาเป็นสองแนวทาง
โดยนักวิเคราะห์หลายคนมองว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 น่าจะถึงจุดสูงสุดแล้ว
และความต้องการของตลาดในเดือนพ.ค.น่าจะปรับตัวดีขึ้น จากการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ของประเทศต่างๆ ที่จะทำให้ธุรกิจเริ่มกลับมาเปิดทำการได้ ส่งผลถึงความต้องการน้ำมันให้สูงขึ้น
ประกอบกับกลุ่มผู้ผลิตทั้ง OPEC+ และผู้ผลิตในกลุ่ม G20 จะเริ่มลดการผลิตอย่างจริงจังตั้งแต่เดือนพ.ค.เป็นต้นไป ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันเข้าสู่ตลาดน้อยลง
แต่ก็มีนักวิเคราะห์บางคนมองไปในแง่ร้าย โดยบอกว่าสถานการณ์คลังน้ำมันเต็มและไม่มีที่เก็บจะไม่จบลงง่ายๆ
โดยสต๊อกน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯขณะนี้สูงถึง 519 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่เคยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 535 ล้านบาร์เรล เมื่อปี ค.ศ. 2017
ข้อสำคัญยังมีน้ำมันดิบจากซาอุดิอาระเบียที่สั่งเอาไว้ตั้งแต่เดือนมี.ค.อีก 40 ล้านบาร์เรลจะส่งถึงสหรัฐฯในเดือนพ.ค.ที่จะถึงนี้
นอกจากนี้การลดการผลิตลงทันทีทันใดก็ทำได้ยาก หรือไม่ก็ต้องใช้เวลา
ดังนั้น ในปลายเดือนหน้าราคาน้ำมันอาจติดลบอีกครั้ง และครั้งนี้อาจเลวร้ายถึง –100 $/bbl. เลยทีเดียว !!!
Social Links