“บริดจสโตน”เดินหน้าเป็นกลางทางคาร์บอน
นำร่องใช้รถมินิบัสไฟฟ้ารับ-ส่งพนักงานในนิคมอมตะซิตี้ ชลบุรี
บริดจสโตน ประเทศไทย มุ่งสร้างสังคมสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างต่อเนื่อง และร่วมขับเคลื่อนการเดินทางของสังคมไทยสู่สังคมแห่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืน ล่าสุดนำร่องใช้รถโดยสารประจำทางไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือ “รถมินิบัสไฟฟ้า” ทางเลือกใหม่แห่งการเดินทางด้วยพลังงานสะอาดซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จำนวน 5 คัน เพื่อให้บริการรับ-ส่งพนักงานของบริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด จังหวัดชลบุรี ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนทั่วโลก คาดว่าจะสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 43.66% ต่อปี ( คำนวณโดยบริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) โดยเปรียบเทียบระหว่างรถมินิบัสที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในรูปแบบเดิมของบริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 5 คัน กับรถมินิบัสไฟฟ้าที่ได้รับการส่งมอบล่าสุด)
นับเป็นอีกหนึ่งโครงการของบริดจสโตนในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ระยะยาวด้านสิ่งแวดล้อมภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593)
………………………………………………………………………………………………………………………………….
นายโชสุเกะ นามิยามา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (ขวา) รับมอบรถมินิบัสไฟฟ้า จำนวน 5 คัน จากนายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการบริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) (ซ้าย)
…………………………………………………………………………………………………………………………………
นายโชสุเกะ นามิยามา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด มีแผนการดำเนินงานที่จะใช้พลังงานสะอาดรูปแบบอื่นๆ ในภาคการผลิตมากยิ่งขึ้นนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป เพื่อเดินหน้าสู่การสร้างสังคมที่เป็นกลางทางคาร์บอนให้มีความเป็นรูปธรรมควบคู่กับการส่งมอบคุณค่าให้กับสังคม พันธมิตร และลูกค้าได้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ผมต้องขอขอบคุณบริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) ซึ่งมุ่งมั่นพัฒนาระบบการเดินรถตอบโจทย์เทรนด์การเดินทางอย่างยั่งยืน โดยส่งมอบรถมินิบัสไฟฟ้า จำนวน 5 คัน เพื่อให้บริการรับ-ส่งพนักงานของบริษัทฯ ซึ่งเรานำร่องในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนทั่วโลกที่เปลี่ยนจากการใช้รถมินิบัสที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง เป็นรถมินิบัสที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแทน ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซล รวมทั้งช่วยลดการปล่อยมลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพนักงานและประชาชนในบริเวณใกล้เคียงได้อีกด้วย ผมหวังว่าหลังจากนี้เราจะสามารถร่วมกันขยายขอบเขตการใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้าให้มากยิ่งขึ้นควบคู่ไปกับการขับขี่อย่างปลอดภัยนะครับ”
จากความมุ่งมั่นสู่วิสัยทัศน์ระยะยาวด้านสิ่งแวดล้อมภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) ของบริดจสโตน ตลอดจนสนับสนุนเป้าหมายความยั่งยืนในประเทศไทยให้เกิดขึ้นจริง บริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้ยกระดับการใช้พลังงานหมุนเวียนโดยเริ่มใช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาเพื่อสนับสนุนกระบวนการผลิตยางสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสารเป็นบริษัทแรกของกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2564 และในปีนี้ยังรุดหน้าสู่การเปลี่ยนมาใช้รถมินิบัสไฟฟ้าซึ่งสอดคล้องตาม “Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)” ใน “ด้าน Energy (พลังงาน)” ด้วยการใช้พลังงานสะอาดในการเดินทาง มุ่งสู่สังคมแห่งความเป็นกลางทางคาร์บอน “ด้าน Ecology (สิ่งแวดล้อม)” ด้วยเทคโนโลยีของรถมินิบัสไฟฟ้าซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน “ด้าน Ease (ความสะดวกสบาย)” ด้วยการส่งมอบประสบการณ์เดินทางที่สะดวกสบายและปลอดภัยให้กับพนักงาน และ “ด้าน Empowerment (พลังทางสังคม)” ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจส่งเสริมสังคมการเดินทางอย่างยั่งยืน”
…………………………………………..
เกี่ยวกับ บริดจสโตน ประเทศไทย
บริษัท บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น มีสำนักงานใหญ่ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ผู้นำระดับโลกด้านการเดินทางอย่างยั่งยืนพร้อมนำเสนอโซลูชั่นขั้นสูงสุด และสำหรับประเทศไทย บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด คือหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการนำเข้า จัดจำหน่าย และทำการตลาดยางรถยนต์ภายใต้แบรนด์บริดจสโตน, ไฟร์สโตน และเดย์ตันแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เราได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้า, ผู้แทนจำหน่าย และพันธมิตรทางธุรกิจจากความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ที่มาพร้อมกับคุณภาพด้านผลิตภัณฑ์ที่ได้ถูกพัฒนาให้เหมาะสมกับความต้องการและสภาพแวดล้อมในประเทศ เพื่อการส่งมอบคุณค่าให้แก่สังคมและลูกค้า บริดจสโตนมุ่งมั่นพัฒนาการเดินทาง, การใช้ชีวิต, การทำงาน และการพักผ่อนของผู้คน เพื่อสร้างสรรค์อนาคตของการเดินทางให้ยั่งยืน
Social Links