"บิ๊กป้อม" จะได้เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐจริงหรือ หรือมี "พลิกล็อก" ??
นายจักรยาน
ข่าว "โควิด-19"ในประเทศไทยมีแน้วโน้มไปสู่ทิศทางที่ดีว่าจะไม่มีผู้ติดเชื้อไวรัสล้างโลกเป็นศูนย์ในเร็ววันนี้ "ข่าวการเมือง"ที่อัดอั้นมานานก็ได้ระเบิดออกมาเป็นข่าวใหญ่สนั่นเมืองสมใจอยาก
โดยเฉพาะ "พรรคพลังประชารัฐ" แกนนำรัฐบาล ก็ได้เปิดศึกสัประยุทธ์ทางการเมืองของคนละก๊กที่อยู่กันแบบถือมีดไว้ข้างหลัง ฝ่ายไหนพลาดโดนแทงทะลุเก้าอี้สำคัญทั้งภายในพรรคและรัฐมนตรี
ณ วันนี้เรา ๆ ท่าน ๆ ทราบกันทั่วหน้าแล้ว กลุ่มภายในพรรคที่ต้องการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค ก็ทำสำเร็จตามแผนที่มุ่งหมายมานาน
ก็ประสบผลตามกลเกมแห่งอำนาจ คือ กรรมการบริหารเกินกึ่งหนึ่งลาออก ตามกฎข้อบังคับพรรคต้องจัดประชุมพรรคเพื่อเลือกตัวหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรคกันใหม่หมด ภายในเวลา 45 วัน
สถานการณ์บ้านเมืองช่วงนี้อยู่ภาวะ "ฉุกเฉิน" จากภัยทางสาธารณสุขเรื่อง"โควิด-19" การจัดประชุมชุมนุมของพรรคการเมืองก็ไม่สามารถดำเนินการตามปกติ
คณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐทั้งชุดมีผลหมดสภาพลงไปเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ก็เป็นไปแผนที่ได้กะระยะเวลาเอาไว้เรียบร้อยในช่วงฉุกหุกของ "ฉุกเฉิน"
ถ้ารัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ก็ยังมีเวลาอีก 15 ในเดือนกรกฎาคม 2563 ที่จะจัดประชุมพรรคเลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้ทันตามกำหนดเวลา
ด้วยเหตุฉะนี้และฉะนั้น ไม่เกินกลางเดือนกรกฏาคมนี้ พรรคพลังประชารัฐได้ตัว "หัวหน้าพรรค" และ "เลขาธิการพรรค" คนใหม่แน่นอน!!
สำหรับเหตุการณ์ "ความปรกติเก่า" ของพรรคพลังประชารัฐที่ปะทุขึ้นมานั้น กลุ่มก๊วนก๊กที่สามัคคีกันเล่นนั้นได้อรรถาธิบายว่าเพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงพรรคไปในทางที่เข้มแข็งกว่าเดิม
โดยเปรียบเปรยว่าเหมือนก้อนกรวดรวมตัวกันจำนวนมากก็จะกลายเป็นอัญมณีที่ล้ำค่าแข็งแกร่ง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทีจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าจะทำให้พรรคพลังประชารัฐแกร่งดังเพชร
แต่ทว่ามีกระแสสังคมส่วนหนึ่งมองว่าเป็น "Old normal" น้ำเน่าทางการเมืองเดิม ๆ ในการแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรีภายในก๊กของพรรค
แม้แต่ "ซูเปอร์โพล" ก็ได้สำรวจความคิดเห็นทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 63.3 มีความเคลือบแคลงสงสัยว่า การเล่นเกมเก้าอี้ดนตรีเพื่อให้ปรับรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐนั้น หรือจะเป็นการเอานักการเมืองเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาทกระเป๋าพวกพ้องตนเอง
จึงเป็นการสะท้อนความรู้สึกของประชาชนว่า จะเอาคนไม่ดีเข้ามาเป็นรัฐมนตรี มากกว่าคนดี ซึ่ง "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีอำนาจปรับ ครม.ได้เพียงผู้เดียวจะต้องตระหนักให้ดี ๆ
ถ้าปรับ ครม.แล้วมีแต่เสียงยี้ไปทั่วแผ่นดิน เสียงสนับสนุนของประชาชนต่อ "รัฐบาลเรือเหล็ก" ของ "ลุงตู่" ก็จะลดฮวบฮาบลงแน่??
ส่วนผู้ที่จะมาเป็น "หัวหน้าพรรค" และ "เลขาธิการพรรค" คนใหม่ จะส่งผลให้่ "พรรคพลังประชารัฐ" เป็นเพชรน้ำหนึ่งในวงการเมืองไทยหรือไม่ ก็ต้องคอยและดูกันอย่าได้พลาดสายตา
ขณะนี้มีการโฟกัสเก้าอี้หัวหน้าพรรรคไปที่ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ พี่ใหญ่แห่ง 3 ป. ว่าจะได้รับเลือกจากที่ประชุมพรรค ตามเสียงเชียร์ของกลุ่มก๊กที่เล่นเกมเปลี่ยนหัวหน้าพรรคว่าเหมาะสมที่สุด
คำตอบจาก "บิ๊กป้อม" ระยะแรก ๆ ที่สื่อมวลชนคะยั้นคะยอถามว่า"ไม่พร้อม" เป็นหัวหน้าพรรค!!
เมื่อ "บิ๊กป้อม" ถูกเซ้าซี้กระทุ้งถามทุกวัน ก็หลุดปากออกมาว่า "อืม.." พร้อมทั้งพยักหน้า ช่วงปลายสัปดาห์ของต้นเดือนมิถุนายน??
ผู้ที่ติดตามข่าวสารของพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ก็ต้อง "ตีความ" กันเอาเองว่า "บิ๊กป้อม" โอเค หรือ โนเค!?!
มีผู้ไม่ประสงค์ออกนามขอเผือกแสดงความเห็นมาว่า ไหน ๆ จะเปลี่ยนหัวหน้าพรรคกันแล้ว ก็ให้ "ลุงตู่" เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐไปเลยจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว
เพราะพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้เสนอชื่อ "ลุงตู่" เข้าชิงชัยเก้าอี้นายกรัฐมนตรีจนได้สืบทอดอำนาจมาถึงทุกวันนี้!!
เอ้า!! พ่อแม่พี่น้องใครเห็นด้วยยกมือขึ้น!!
Social Links