ผู้คนไม่เข้าใจว่า อะไรจะเกิดขึ้นจาก AI ?
มันอาจนำไปสู่การสูญพันธุ์มนุษยชาติ
สุทธิชัย ทักษนันต์
ฮินตัน วัย 77 ปี เป็นหนึ่งในนักวิจัยที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Neural Networks ในปี 1986 ซึ่งเป็นรากฐานของระบบ AI ในปัจจุบัน
ในปี 2018 ผลงานของเขาได้รับรางวัล Turing Award ซึ่งเทียบได้กับรางวัลโนเบลในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์
และแล้วในปี 2024 Geoffrey Hinton ก็ได้รับรางวัล Noble Prize ด้าน Physics
เขาได้ชื่อซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่า… “เจ้าพ่อ AI”
หลังจากทำงานให้กับ Google เป็นเวลากว่าทศวรรษ เจฟฟรีย์ ฮินตัน ก็ลาออกในปี 2023 เพื่อออกมามุ่งเน้นเกี่ยวกับการเตือนถึงอันตรายของ AI ได้อย่างอิสระ
ในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ CBS News 26-04-2025 เขาแสดงความกังวลว่า AI อาจก่อให้เกิดอันตรายที่ไม่อาจย้อนกลับได้ รวมถึงความเป็นไปได้ที่มนุษยชาติอาจสูญพันธุ์ มีความเสี่ยงร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่เขาเองมีส่วนช่วยพัฒนาขึ้น
เจ้าพ่อ AI กังวลเกี่ยวกับการพัฒนา AI ที่ไร้การควบคุม
ฮินตันชี้ให้เห็นว่า AI มีศักยภาพที่จะก้าวข้ามความฉลาดของมนุษย์ในอนาคตอันใกล้ อาจเพียงแค่สิบปีข้างหน้า
หากไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม ระบบ AI อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การสร้างข้อมูลเท็จ การโฆษณาชวนเชื่อ หรือแม้แต่การพัฒนาอาวุธอัตโนมัติที่เป็นอันตราย
“ผมกังวลว่าเรากำลังสร้างบางสิ่งที่ฉลาดกว่าตัวเราเอง… และเมื่อถึงจุดนั้น เราจะควบคุมมันได้อย่างไร? หากมันตัดสินใจว่าเป้าหมายของมันสำคัญกว่าเป้าหมายของมนุษย์ มันอาจกำจัดเราได้”
ฮินตันยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งบริษัทต่าง ๆ พยายามพัฒนา AI ที่ทรงพลังมากขึ้นโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย เขาเปรียบเทียบสถานการณ์นี้กับ “การแข่งขันด้านอาวุธ” ที่อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้
เจฟฟรีย์ ฮินตัน เรียกร้องให้มีการควบคุมและความรับผิดชอบ
มีความจำเป็นในการสร้างกฎระเบียบระดับโลกเพื่อควบคุมการพัฒนาและใช้งาน AI เขาเรียกร้องให้รัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกใช้เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ ไม่ใช่การทำลายล้าง
“เราต้องการกรอบการทำงานที่รับประกันว่า AI จะถูกพัฒนาด้วยความรับผิดชอบ…มันไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของจริยธรรมและค่านิยมของเราในฐานะมนุษย์”
ฮินตันแนะนำให้มีการหยุดชั่วคราวในการพัฒนาระบบ AI ที่ทรงพลังเกินไป จนกว่าจะมีการประเมินความเสี่ยงอย่างถี่ถ้วน
แต่เขายังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับศักยภาพของ AI ในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน เช่น การพัฒนาการรักษาโรคมะเร็งหรือการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตาม เขาเน้นว่าประโยชน์เหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ
“ผมไม่ได้บอกว่า AI เป็นสิ่งชั่วร้าย…แต่ผมบอกว่าเราต้องระวังให้มาก เพราะมันอาจเป็นสิ่งที่ทรงพลังเกินกว่าที่เราจะเข้าใจ”
ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ มีความเห็นที่ช่วยทำให้ทุกคนมองเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า…
“ผมค่อนข้างดีใจที่อายุ 77 ปี เพราะผมอาจไม่มีชีวิตอยู่นานพอที่จะได้เห็นผลกระทบที่อาจเป็นอันตรายจากเทคโนโลยีนี้”
“เจ้าพ่อ AI” คาดการณ์ว่ามีโอกาส 10 ถึง 20% ที่ระบบ AI อาจเข้าควบคุม โดยเปรียบเทียบการพัฒนา AI กับการเลี้ยงลูกเสือที่อาจกลายเป็นอันตรายได้
Social Links