ผู้ประกอบการระวัง! บาทแข็งสุดในรอบ 30 เดือน

ผู้ประกอบการระวัง! บาทแข็งสุดในรอบ 30 เดือน

ผู้ประกอบการระวัง!

บาทแข็งสุดในรอบ 30 เดือน

 

                เงินบาทแข็งค่าทะลุระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ มาที่ 32.83 บาทต่อดอลลาร์ฯ ซึ่งนับเป็นสถิติแข็งค่าที่สุดในรอบ 30 เดือน ทั้งนี้ สถานการณ์การแข็งค่าของเงินบาทยังคงเป็นภาพที่สอดคล้องกับกระแสการแข็งค่าของสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย เพราะมี “สาเหตุหลักร่วมกัน” จากทิศทางการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งในช่วงนี้ขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม หลังจากตลาดทยอยรับรู้โอกาสของการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือนธ.ค. ที่จะถึงนี้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ในทางกลับกัน ปัจจัยกดดันเงินดอลลาร์ฯ กลับมีเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะแผนปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ระหว่างการหาข้อสรุปร่วมกันในสภาคองเกรส  

                นอกจากเงินดอลลาร์ฯ จะขาดปัจจัยบวกแล้ว หากกลับมามองปัจจัยในฝั่งของเงินบาท ก็คงต้องยอมรับว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลอย่างต่อเนื่องของไทย นับเป็นปัจจัยเชิงโครงสร้างสำคัญที่หนุนให้เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบที่แข็งค่า (เพราะการใช้จ่ายในประเทศที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่มีผลต่อเนื่องให้การฟื้นตัวของการนำเข้ายังคงอยู่ในกรอบจำกัด) โดยตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ไทยบันทึกยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเฉลี่ยประมาณ 3.5 พันล้านดอลลาร์ฯ ต่อเดือน ขณะที่ ภาพรวมสำหรับ 9 เดือนแรกของปีนี้ ไทยบันทึกยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และมีเงินต่างชาติไหลเข้าในส่วนที่มาลงทุนในหลักทรัพย์ รวมกันประมาณ 45.4 พันล้านดอลลาร์ฯ (ซึ่งยังคงใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน) แบ่งเป็นการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 36.1 พันล้านดอลลาร์ฯ และเงินลงทุนในหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติประมาณ 9.24 พันล้านดอลลาร์ฯ 

                สถานการณ์เงินบาทในระยะใกล้ๆ นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า เงินบาทอาจจะยังมีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบที่แข็งค่ากว่าระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยคาดว่า ทิศทางของค่าเงินบาทในไตรมาสสุดท้ายของปี ยังน่าจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่สอดคล้องกับธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ ขณะที่ สถานการณ์การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติก็อาจจะทยอยชะลอลงในช่วงนับถอยหลังเข้าสู่ช่วงสิ้นปี อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่ยังคงจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด จะเป็นเรื่องความคืบหน้าเกี่ยวกับการผลักดันแผนปฎิรูปภาษีของสหรัฐฯ ในสภาคองเกรส ตลอดจนสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในปีหน้า

                สำหรับปัจจัยที่กำหนดทิศทางของเงินบาทในปีหน้านั้น มองว่า ปัจจัยพื้นฐานจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่ยังมีโอกาสเกินดุลต่อเนื่อง (ที่ประมาณ 38.6 พันล้านดอลลาร์ฯ ตามตัวเลขคาดการณ์ของธปท.) อาจจะยังคงเป็นปัจจัยหนุนทิศทางเงินบาท เพราะแม้เงินดอลลาร์ฯ จะยังมีโอกาสกลับมาแข็งค่าได้ในช่วงปีข้างหน้า ตามสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งยังมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและทยอยลดงบดุล และอาจมีแรงหนุนเพิ่มเติมหากแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ สามารถหาข้อสรุปที่ลงตัวได้ แต่คงต้องยอมรับว่า ปัจจัยหนุนค่าเงินดอลลาร์ฯ (ซึ่งอาจจะมีผลให้เงินบาทขยับอ่อนค่า) ทั้ง 2 เรื่องนั้น ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในเรื่อง “จังหวะเวลา” ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในระหว่างปี และช่วงเวลาที่จะเริ่มเห็นความชัดเจนของการเดินหน้าได้จริงแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ

                ดังนั้น ความผันผวนของสถานการณ์ค่าเงินดอลลาร์ฯ จึงยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ภาคธุรกิจจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด  เพราะคงต้องยอมรับว่า กระแสรายรับของผู้ประกอบการภาคการส่งออกของไทยส่วนใหญ่กว่า 77% ของการส่งออกรวม จะเป็นรายรับในรูปของสกุลเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงและความผันผวนเมื่อแปลงกลับมาเป็นรายได้ในรูปเงินบาทตามจังหวะเงินดอลลาร์ฯ ที่อ่อนค่า (ขณะที่ รายรับที่อยู่ในรูปเงินบาท ซึ่งปลอดภัยจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน มีสัดส่วนเพียง 14% ของการส่งออกรวม) นอกจากนี้ การเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และเลือกใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน อาทิ สัญญาฟอร์เวิร์ด และออปชั่น คงเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยทำให้ผู้ประกอบการสามารถประเมิน/รับรู้/บริหารจัดการรายได้จากการส่งออก (หรือรับรู้ต้นทุนนำเข้าในช่วงที่เงินบาทมีทิศทางอ่อนค่า) ที่มีความแน่นอนมากขึ้น

You may also like

จี้รัฐ! ทำประชามติกาสิโนฯ ภูมิใจไทยชี้ ร่าง กม.มีปัญหา สส.พรรคประชาชน ย้ำ! คนคลองเตยไม่เอา

จี้รัฐ!