มาเรีย ลโววา-เบโลวา ผู้ถูกออกหมายจับ
จากศาลอาญาระหว่างประเทศร่วมกับปูติน
ผศ.ดร.กฤษฎา พรหมเวค
คณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
เป็นข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ที่ 17 มีนาคม ปี ค.ศ. 2023 ศาลอาญาระหว่างประเทศ ((International Criminal Court – ICC) ที่ตั้งอยู่ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ออกหมายจับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย และนางมาเรีย อเล็กเซเยฟน่า ลโววา -เบโลวา «Мария Алексеевна Львова-Белова» วุฒิสมาชิกแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายสิทธิเด็กประจำสำนักงานประธานาธิบดีรัสเซียในข้อหาว่ามีส่วนรับผิดชอบต่อการก่ออาชญากรรมสงคราม จากการนำตัวหรือโยกย้ายประชาชน ซึ่งหมายถึงเด็กๆ ออกจากพื้นที่ครอบครองในยูเครนไปยังรัสเซียอย่างผิดกฎหมาย นับตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. ปี 2022 เป็นต้นมา โดยเด็กหลายคนถูกรับเลี้ยงโดยครอบครัวชาวรัสเซีย
สำนักข่าว The Guardian ได้รายงานว่า เด็กที่ถูกบังคับย้ายถิ่นฐานกลุ่มดังกล่าว ครอบคลุมถึงเด็กๆ ที่ถูกพาตัวไปจากสถาบันของรัฐบาลยูเครนซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่ถูกรัสเซียยึดครองไว้ได้ ตลอดจนเด็กๆ ที่ผู้ปกครองส่งไป ‘ค่ายฤดูร้อน’ ตามโครงการของรัสเซียและไม่ได้กลับมาในประเทศอีกเลย รวมถึงเด็กๆ ที่พ่อแม่ของพวกเขาถูกทหารรัสเซียจับกุม และเด็กที่กำพร้าเพราะพ่อแม่เสียชีวิตจากสงคราม ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่อยู่ในพื้นที่ของเมืองเคอร์ซอน คาร์คิฟ ซาปอริซเซีย โดเนตสก์ ลูฮันสก์ และมิโคลาอีฟ โดยรัฐบาลยูเครนอ้างว่ามีเด็กกว่า 16,000 คนถูกบังคับส่งตัวไปยังรัสเซีย หรือดินแดนยูเครนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียอย่างผิดกฎหมาย
การบังคับเนรเทศประชากรถือเป็นอาชญากรรมสงครามภายใต้ ธรรมนูญกรุงโรม (Rome statute) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาจัดตั้งศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ โดยรัสเซียลงนามในธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศใน ปี ค.ศ. 2000 แต่ไม่เคยให้สัตยาบันรับรองเป็นสมาชิกของไอซีซี และท้ายที่สุดแล้วก็ถอนการลงนามในปี ค.ศ. 2016 พร้อมประกาศว่า “มอสโกไม่ยอมรับอำนาจตุลาการของศาล ICC” ในช่วงเวลาดังกล่าว รัสเซียอยู่ภายใต้แรงกดดันของนานาชาติเกี่ยวกับการยึดครองและผนวกแคว้นไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนฝ่ายเดียวในปี ค.ศ. 2014 เช่นเดียวกับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรีย เพื่อสนับสนุนสงครามของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด พันธมิตรของรัสเซียเล่นงานพวกนักรบฝ่ายตรงข้าม ในขณะที่ฝั่งยูเครนพบว่าไม่ได้ลงนามเป็นสมาชิกสนธิสัญญา แต่ยูเครนให้อำนาจแก่จัดตั้งศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศในการสืบสวนการก่ออาชญากรรมสงครามในดินแดนของตัวเอง โดยตลอด 1 ปีที่ผ่านมานายคาริม ข่าน อัยการสูงสุดของ ICC เดินทางเยือนยูเครน 4 ครั้ง ซึ่งทำให้เขาได้ข้อสรุปว่า มีเหตุผลพื้นฐานเพียงพอให้เชื่อว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียต้องรับผิดชอบความผิดทางอาญาส่วนบุคคล ฐานลักพาตัวเด็ก โดยแถลงเมื่อวันศุกร์ที่ 17 มีนาคม ปี ค.ศ. 2023 ว่า“เด็กชาวยูเครนหลายร้อยคนถูกส่งตัวออกจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าและบ้านเด็กไปยังรัสเซีย” “และเราเชื่อว่าเด็กๆ จำนวนมากถูกส่งไปอยู่ในความดูแลของครอบครัวอุปถัมภ์ในรัสเซีย”
ICC ยังออกมาแถลงว่านางมาเรีย ลโววา-เบโลวามีความผิดในอาชญากรรมข้อหาเดียวกันเดียวกันกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินคือการเนรเทศประชากร (เด็ก) อย่างผิดกฎหมายและการย้ายประชากร (เด็ก) อย่างผิดกฎหมายจากดินแดนยึดครองของยูเครนไปยังสหพันธรัฐรัสเซีย โดยนายการิม ข่าน ออกมาแถลงว่า “มีเหตุอันควรให้เชื่อได้ว่านางมาเรีย อเล็กเซเยฟน่า ลโววา -เบโลวา มีส่วนรับผิดชอบส่วนตัวต่ออาชญากรรมดังกล่าวโดยการกระทำเหล่านี้โดยตรง ร่วมกับบุคคลอื่น และ/หรือ ผ่านการกระทำของบุคคลอื่น” ซึ่งก่อให้เกิดประเด็นความสนใจและข้อคำถามจากประชาคมโลกในตัวของนางมาเรีย ลโววา-เบโลวาว่าเป็นใครทำไมจึงตกเป็นเป้าหมายการเล่นงานของศาล ICC
นางมาเรีย ลโววา-เบโลวาวัย 38 ปี เกิดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ปี ค.ศ. 1984 ณ เมือง เพนซา «Пенза» เธอสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนวัฒนธรรมและศิลปะ (ปัจจุบันเป็นวิทยาลัย) แห่งเมืองเพนซาตั้งชื่อตาม อเล็กซานเดอร์ อันดรีวิช อาร์คันเกลสกี้ วาทยกรเอกของวงออเคสตรา «Пензенский колледж искусств – ПКИ» ในปี ค.ศ. 2002 จากนั้นระหว่างปีค.ศ. 2003 – 2005 เธอได้เข้าศึกษาต่อที่สถาบันวัฒนธรรมและศิลปะแห่งรัฐซามารา) «Самарской государственной академии культуры и искусств » (ปัจจุบันคือสถาบันวัฒนธรรมแห่งรัฐซามารา) หลังจบการศึกษาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 – 2005 เธอได้ทำงานเป็นครูสอนกีตาร์ที่โรงเรียนดนตรีสำหรับเด็กหมายเลข 5 และหมายเลข 1 และที่โรงเรียนวัฒนธรรมและศิลปะในเมืองเพนซา
เธอได้ทำงานการกุศลมาอย่างยาวนาน โดยเริ่มทำงานการกุศลตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 โดยเป็นผู้ร่วมก่อตั้งตั้งองค์กร”Blagovest” «Благовест» ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณะระดับภูมิภาคเพื่อส่งเสริมการปรับตัวทางสังคม และได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าขององค์กรดังกล่าวในปี ค.ศ. 2009 ต่อมาในปีค.ศ. 2014 นางมาเรีย ลโววา-เบโลวาเป็นผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหารของ Louis Quarter ซึ่งเป็นองค์กรอิสระไม่แสวงหาผลกำไรเพื่อส่งเสริมการปรับตัวทางสังคมของแต่ละบุคคล ศูนย์ฟื้นฟูนี้ตั้งชื่อตามนักดนตรีแจ๊ส หลุยส์ อาร์มสตรองโดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือคนหนุ่มสาวที่พิการซึ่งถูกทอดทิ้งโดยไม่ได้รับการดูแลจากผู้ปกครองให้ปรับตัวเข้ากับชีวิตอิสระได้ และต่อมาในปีค.ศ. 2020 เธอได้ลาออกเพื่อไปดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในปี ค.ศ. 2017 มาเรีย ลโววา-เบโลวาได้ริเริ่มก่อตั้ง “Veronica’s House” หอพักแห่งแรกในรัสเซียสำหรับคนหนุ่มสาวที่มีความพิการระดับรุนแรง ในเมืองเพนซา นออกจากนี้เธอยังเป็นสมาชิกของสภาเยาวชนภายใต้ผู้ว่าการแคว้นเพนซา
ระหว่างปี ค.ศ. 2014 – 2019 เธอเป็นสมาชิกของสภาสาธารณะแห่งเมืองเพนซา ในเขตที่ 4 และเขตที่ 5 ต่อมาในเดือนเมษายนปี ค.ศ. 2016 เธอเข้าร่วมกับสภาเพื่อการพัฒนาสถาบันประชาสังคมของเขตสหพันธ์โวลก้าตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี ค.ศ. 2017 – เดือนมกราคม ปี ค.ศ.2019 เธอเป็นสมาชิกของสภาสาธารณะแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ภาค 6 และในเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2018 เธอกลายเป็นคนสนิทของนายวลาดิมีร์ ปูติน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซียในภูมิภาคเพนซา
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนปี ค.ศ. 2018 ในระหว่างการประชุมระหว่างนายดมิทรี เมดเวเดฟนายกรัฐมนตรีแห่งสหพันธรัฐรัสเซียกับตัวแทนขององค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรเธอเป็นผู้นำเสนอโครงการเพื่อการปรับตัวทางสังคมของผู้พิการซึ่งจะดำเนินการในเมืองเพนซา
นางมาเรีย ลโววา-เบโลวาได้เริ่มเข้าสู่เส้นทางการเมืองในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2019 โดยได้รับเลือกเป็นประธานร่วมของสำนักงานใหญ่ในเมืองเพนซาขององค์กร “แนวร่วมประชาชนทั้งหมดของรัสเซีย” (The All-Russia People’s Front)
«Общероссийский народный фронт – ОНФ» ซึ่งก่อตั้งโดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินในปี ค.ศ.2011 เพื่อแสวงหา “แนวคิดใหม่ คำแนะนำใหม่ และโฉมหน้าใหม่” ให้กับพรรคการเมือง United Russia «Единая Россия» โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างพันธมิตรที่เป็นทางการระหว่างยูไนเต็ดรัสเซียกับองค์กรพัฒนาเอกชนของรัสเซียจำนวนมาก
ในเดือนพฤศจิกายน 2019 เธอเข้าร่วมพรรคการเมือง United Russia และได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาสามัญของพรรค ประธานร่วมของคณะทำงานของสภาสามัญเพื่อสนับสนุนภาคประชาสังคม และวันที่ 8 กันยายนปี ค.ศ. 2019 ภายใต้สังกัดพรรคยูไนเต็ดรัสเซียนางมาเรีย ลโววา-เบโลวาได้รับเลือกเข้าสู่สภาดูมาในเขตเลือกตั้งเพนซา ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงตุลาคมปี ค.ศ. 2020 – ปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารของ ANO «Новые берега» กิจกรรมเพื่อการดูแลผู้สูงอายุและผู้พิการพร้อมที่พักในเมืองเพนซา
เดือนกันยายนปี ค.ศ. 2020 เธอเป็นหนึ่งในผู้ชนะการแข่งขัน Leaders of Russia ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อค้นหาผู้นำรุ่นใหม่และสนับสนุนการเติบโตในสายอาชีพของพวกเขาต่อไป เมื่อวันที่ 8 กันยายนปี ค.ศ. 2020 เธอเข้าร่วมการประชุมในฐานะผู้ชนะการแข่งขันกับประธานาธิบดีรัสเซีย
แต่เมื่อเดือนสิงหาคมปี ค.ศ. 2020 เธอเป็นหนึ่งในสามผู้สมัครเพื่อเป็นสมาชิกของสภาสหพันธรัฐรัสเซียของภูมิภาคเพนซาโดยได้รับการเสนอชื่อจากนายอีวาน อเล็กซานโดรวิช เบโลเซอร์เซฟ «Иван Александрович Белозерцев» ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการภูมิภาค Penza ร่วมกับนายอเล็กซานเดอร์ มิคาอิโลวิช ซาโมคุตยาเยฟ «Александр Михайлович Самокутяев» อดีตนักบินอวกาศและนายอเล็กซานเดอร์ ดมิทรีเยวิช กุเลียคอฟ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเพนซา «Александр Дмитриевич Гуляков» และได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาสหพันธรัฐรัสเซีย (วุฒิสภา) จากภูมิภาคเพนซาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2020 และดำรงตำแหน่งคณะกรรมมาธิการด้านนโยบายสังคมของสภาสหพันธ์รัฐรัสเซีย
และเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ปี ค.ศ. 2021 ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้แต่งตั้งนางมาเรีย ลโววา -เบโลวา วุฒิสมาชิกจากเขตเพนซา เป็นประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายสิทธิเด็กประจำสำนักงานประธานาธิบดีรัสเซียแทนที่นางแอนนา คุซเน็ตโซวา «Анна Кузнецова» ซึ่งย้ายไปดำรงตำแหน่งรองประธานสภาดูมา (State Duma) ของรัฐสภา
ปี ค.ศ. 2018 นางมาเรีย ลโววา-เบโลวา ได้รับรางวัลประกาศนียบัตรกิตติมศักดิ์ของประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย นอกจากนี้เธอยังได้รับรางวัล Order of the Holy Equal-to-the-Apostles ระดับ Grand Duke Vladimir III จาก Russian Orthodox Church ในปี ค.ศ. 2016
ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี ค.ศ. 2022 เมื่อรัสเซียโจมตียูเครน นางมาเรีย ลโววา -เบโลวามีหน้าที่รับผิดชอบในการเคลื่อนย้ายเด็กชาวยูเครนออกจากดินแดนที่ถูกยึดครองและ “บูรณาการ” ในรัสเซียตั้งแต่เริ่มแรก เธอเป็นบุคคลสาธารณะ วิทยากร และผู้ริเริ่มกระบวนการเหล่านี้ และเรียกสิ่งนี้ว่าเป็น “การอพยพ” เสมอและอธิบายว่าเป็นความห่วงใยต่อผลประโยชน์ของเด็ก แต่ทางการยูเครนกล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า จากมุมมองของกฎหมายระหว่างประเทศ การกระทำเหล่านี้จัดอยู่ในประเภทการเนรเทศและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การกำจัดเด็กถือเป็นการแสดงถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และเป็นนโยบายที่จงใจของรัสเซียที่จะทำลายยูเครนในฐานะรัฐ และชาวยูเครนในฐานะชาติ โดยนายอันเดรย์ เยฟเกเนียวิชโคสติน «Андрей Евгеньевич Костин» อัยการสูงสุดของยูเครนกล่าวว่า “การลักพาตัวลูกๆ ของเรา รัสเซียกำลังขโมยอนาคตของเราอย่างแท้จริง”
รัฐบาลเครมลินปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องอาชญากรรมสงครามมาตลอด และล่าสุดนาง มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซียออกมากล่าวว่า การตัดสินใจของศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ ไม่มีความหมายใดๆ สำหรับรัสเซีย รวมถึงจากมุมมองทางกฎหมาย รัสเซียไม่ได้เข้าร่วมธรรมนูญกรุงโรม จึงไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ให้ต้องปฏิบัติตามหมายจับ
ในขณะที่นางมาเรีย ลโววา-เบโลวาออกมาให้สัมภาษณ์สื่อ RIA ด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า “ยอดเยี่ยมจริงๆ ที่ประชาคมโลกรู้สึกซาบซึ้งกับงานช่วยเหลือเด็กๆ ในประเทศของเรา” “เราไม่ทิ้งพวกเขาไว้ในเขตสงคราม เราพาพวกเขาออกไป สร้างเงื่อนไขที่ดีให้กับพวกเขา ล้อมรอบพวกเขาด้วยคนที่รักและห่วงใย มีการคว่ำบาตรจากทุกประเทศแม้แต่ญี่ปุ่น ตอนนี้ก็มีหมายจับแล้ว ฉันสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป” การลงโทษต่อ Lvova-Belova สำหรับการนำกระบวนการส่งออกเด็กยูเครนได้รับการแนะนำโดยสหภาพยุโรป บริเตนใหญ่ และสหรัฐอเมริกา สำหรับการสนับสนุนการรุกรานของรัสเซียต่อยูเครน เธอยังถูกรวมอยู่ในรายการคว่ำบาตรของออสเตรเลีย แคนาดา และญี่ปุ่นด้วย
จากภาพลักษณ์ของนางมาเรีย ลโววา-เบโลวาในสายตาของคนรัสเซียที่อยู่ในแวดวงงานการกุศลมาโดยตลอดแล้ว การออกหมายจับเธอยิ่งตอกย้ำถึงความพยายามเล่นงานรัสเซียของฝ่ายโลกตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความไม่เป็นกลางและสองมาตรฐานของ ICC ที่ตกเป็นเครื่องมือของสหรัฐฯและนาโต้ในการเล่นงานรัสเซีย ซึ่งอาจทำให้ชาวรัสเซียและผู้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดที่ไม่เห็นด้วยกับปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้กลับมาเชื่อว่าสิ่งที่ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวถึงความพยายามในการล้มล้างรัสเซียของโลกตะวันตกนั้นมีมูลความจริง ซึ่งไม่น่าจะเป็นผลดีต่อพันธมิตรตะวันตก
โดยเราต้องติดตามต่อไปว่าการดำเนินการดังกล่าวของศาลอาญาระหว่างประเทศจะส่งผลกระทบต่อรัสเซียหรือไม่อย่างไร และประเทศสมาชิกจะให้ความร่วมมือศาลอาญาระหว่างประเทศในการจับตัวประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินและนางมาเรีย ลโววา-เบโลวามาลงโทษหรือไม่ในอนาคต.
Social Links