ยุทธวิธีการเมือง “แยกร่าง” เย้ยรัฐธรรมนูญ??

ยุทธวิธีการเมือง “แยกร่าง” เย้ยรัฐธรรมนูญ??

 

ยุทธวิธีการเมือง “แยกร่าง” เย้ยรัฐธรรมนูญ??

สถานการณ์ของบ้านเมืองในเวลานี้  จะเป็นเรื่องของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ทำกิจกรรมทางการเมือง   ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากประชาชนที่รักนิยมชมชอบติดตามการเมือง

            แต่ละพรรคการเมืองทั้งพรรคเก่าและพรรคใหม่  ก็ใช้กลยุทธในการโฆษณาหาเสียงของแก่พรรคตนเองช่วงที่การหาเสียงยังถูกปิดล็อกจาก คสช.

            ทว่าข้อห้ามอะไรก็ตามที  มักจะมีช่องโหว่ให้เคลื่อนไหวที่ไม่ผิดกติกา  อาทิ  “พรรคร่วมพลังประชาชาติไทย” ชอง “ลุงกำนัน” สุเทพ  เทือกสุบรรณ   เจ้าพ่อ “นกหวีด” ที่ได้ใช้ยุทธวิธีเดินสายคารวะแผ่นดินไปภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อหาสมาชิกพรรค  ให้เหตุผลว่าไม่ใช่หาเสียง

            การเดินคารวะแผ่นดินของ “ท่านเทพเทือก” ไปยังสถานที่แต่ละแห่งนั้น  เป็นธรรมดาที่จะมีประชาชนที่สนับสนุน  และประชาชนที่ต่อต้าน

            บางคนที่รัก “ลุงกำนัน” ก็สมัครเป็นสมาชิกพรรค  บางคนที่ไม่ชอบก็คืน “นกหวีด” !!

            เมื่อ “พรรครวมพลังประชาชาติไทย” ใช้ยุทธศาสตร์การเมืองคารวะแผ่นดินโดยไม่ผิดกฎกติกาใด ๆที่จะสั่งให้หยุดเดินคารวะได้

            ดังนั้น  “พรรคอนาคตใหม่”  ของคนรุ่นใหม่ “ไพร่หมื่นล้าน” ก็เอาบ้าง เดินสายไปหาสมาชิกเข้าพรรคยังสถานที่ต่าง ๆ เช่นกัน

            ก็ไม่รู้ว่าจะมีอีกกี่พรรคการเมืองทั้งใหม่และเก่าเลียนแบบเดินไปทั่วแผ่นดินเพื่อหาสมาชิกเข้าพรรค เพราะเป็นเรื่องที่ทำได้โดยไม่ผิดกติกา??

            สำหรับ “พรรคพลังประชารัฐ”  ที่รู้กันทั้งวงในและวงนอกไปจนถึงนานาชาติว่าเชียร์ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. ให้สืบทอดนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่ออีก  ก็ถือได้ว่าเป็นการโฆษณาพรรคเป็นอย่างดี

            ที่สำคัญมีรัฐมนตรีของ “บิ๊กตู่”  4 ท่าน เข้ามาร่วมการเมืองกับ “พรรคพลังประชารัฐ” มีตำแหน่งทั้งหัวหน้าพรรค   รองหัวหน้าพรรค  เลขาธิการพรรค และโฆษกพรรค  ก็ยิ่งเป็นที่สนใจของประชาชนคนทั้งประเทศโดยไม่ต้องเดินคารวะแผ่นใด ๆ

            อย่างที่รู้ ๆ กันว่า “รัฐธรรมนูญ ปี 60” เป็นรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นมาอย่างยอดเยี่ยมกระเทียมเจียวทีเดียวที่ไม่เหมือนรัฐธรรมนูญฉบับก่อน ๆ  หรือจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับเดียวในโลกที่น่าทึ่ง

            เพราะเลือกตั้งแล้ว  แม้ว่าจะมีพรรคการเมืองได้รับเลือกเข้ามากมาย แต่ไม่มีพรรคการเมืองไหนได้รับเสียงข้างมากพอจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้

            และที่ต้องหมายเหตุเอาไว้ก็คือ ทุกคะแนนเสียงของประชาชนที่ลงให้แต่ละพรรคการเมืองมีความหมายทั้งสิ้นที่จะนำคะแนนมาหาค่าเฉลี่ย ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคการเมืองใดมีคะแนนตามเกณฑ์ก็จะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์  แม้ว่าจะไม่ได้ ส.ส.เขตก็ตาม

            ที่น่าทึ่งอึ้งอีกประการก็คือ  พรรคการเมืองไหนที่กวาดที่นั่ง ส.ส.เขตเข้ามามากครบหลักเกณฑ์ที่กติกากำหนดไว้   ก็จะไม่มี ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค  เพราะต้องแบ่งสันปันส่วนให้พรรคอื่น ๆ ตามคะแนนเสียงของประชาชนที่เลือกพรรคต่าง ๆ ที่ชอบ

            ด้วยเหตุฉะนี้  “พรรคเพื่อไทย” ที่ทุกโพลสำรวจออกมาก็ระบุว่าจะได้ ส.ส.เข้ามามากที่สุดในการเลือกตั้งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562

            ซึ่งเป็นผลสำรวจที่ “พรรคเพื่อไทย” น่าจะดีใจ  แต่ก็ไม่ดีใจสุด ๆ จำนวน ส.ส.ที่ได้รับเลือกเข้ามามาก อาจทำให้พรรครไม่มี ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์สักคน

            เพราะฉะนั้นข่าวคราวการแยกร่าง “พรรคเพื่อไทย”  เพื่อให้สมาชิกคนดัง ๆ ไปอาศัยอยู่ในร่าง “พรรคไทยรักษาชาติ”  ก็ไม่ผิดกฎของรัฐธรรมนูญปี 60 แต่ประการใด

            โดยตั้งเป้าให้ “พรรคเพื่อไทย” ได้ ส.ส.เขตเข้ามาก  และให้ “พรรคไทยรักษาชาติ” ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสตเข้ามาพอประมาณ  เมื่อรวมกันแล้วจะได้จำนวน ส.ส.มากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร

            ส่วนผลจะออกมาเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่  ก็ต้องรอผลวันเลือกตั้ง!!

          ถึงแม้ว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องการไม่ให้มีพรรคการเมืองใดมีเสียงข้างมากเด็ดขาด  แต่คณะผู้เขียนรัฐธรรมนูญลืมนึกเรื่องยุทธวิธีการ “แยกร่าง” ของพรรคการเมือง

            เรื่องของการเมืองจึงพิสูจน์ได้ว่า  การเมืองไม่มีเส้นตรง  มีแต่เดินเลี้ยวไปวกมาเพื่อหาช่องว่างแหวกกฎกติกาของถูกกติกา   

สูตรการเมืองวิธีการแหกกฎเย้ยรัฐธรรมนูญไม่ใช่เฉพาะ “ประเทศกูมี” !?! 

แต่ “ประเทศมึงมี” ทั้งนั้นแหละท่านที่เคารพ!!

                                                นายจักรยาน   

           

           

           

           

You may also like

เปิดเคล็ดลับความมั่งคั่ง สำรวจกลยุทธ์การเงินชั้นเซียนของผู้มีกำลังซื้อสูง

เปิดเคล็