“วลาดิมีร์ เซเลนอฟสกี” นักการเมืองคนสำคัญที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินให้ความเคารพ

“วลาดิมีร์ เซเลนอฟสกี” นักการเมืองคนสำคัญที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินให้ความเคารพ

“วลาดิมีร์ เซเลนอฟสกี” นักการเมืองคนสำคัญที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินให้ความเคารพ

ดร.กฤษฎา พรหมเวค

คณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

                นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มปฏิบัติการพิเศษทางทหารกับยูเครนเป็นต้นมาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียยากที่จะปรากฏตัวต่อสาธารณชน แต่พบว่ากลับเดินทางไปร่วมพิธีเคารพศพนายวลาดิมีร์ เซเลนอฟสกี (Владимир Вольфович  Жириновский) เมื่อวันที่ 8 เมษายน ปี ค.ศ.2022 โดยได้วางดอกกุหลาบสีแดงช่อหนึ่งไว้ใกล้โลงศพ ก้มศีรษะและยืนสงบนิ่งครู่หนึ่งให้กับซีรินอฟสกี้ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศัตรูทางการเมือง แต่ต่อมาถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของ "ฝ่ายค้านอย่างเป็นระบบ" ที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายในการรักษาภาพลักษณ์ของประชาธิปไตยและพหุนิยมของเขา จนมีกระแสคำถามออกมามากมายว่าเขาเป็นใคร มีความสำคัญอย่างไร ทำไมประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินจึงให้ความสำคัญกับเขา วันนี้เรามาทำความรู้จักกับนายวลาดิมีร์ เซเลนอฟสกีกัน

                นายวลาดิมีร์ เซเลนอฟสกีเป็นนักการเมืองคนสำคัญคนหนึ่งของรัสเซีย เรียกได้ว่าเป็นตำนานทางการเมืองบทหนึ่งของการเมืองรัสเซียเลยก็ว่าได้ เขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงทางการเมืองของรัสเซียไม่กี่คนที่คนต่างประเทศรู้จัก ก่อนเสียชีวิตนายวลาดิมีร์ เซเลนอฟสกีดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตยของรัสเซีย (Liberal Democratic Party of Russia: LDPR) โดยดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกรัฐสภามาตั้งแต่ปี ค.ศ.1993 เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 6 เมษายน ปี ค.ศ.2022 สิริอายุรวมทั้งสิ้น 75 ปี

                ซึ่งนายวลาดิมีร์ เซเลนอฟสกีเป็นนักการเมืองชาตินิยมรัสเซียขวาจัดเป็นผู้บุกเบิกการเหยียดเชื้อชาติซึ่งเป็นทียอมรับโดยเครมลิน เขามีภาพลักษณ์ของตัวตลกทางการเมืองที่บ้าคลั่ง มีชีวิตการเมืองที่โลดโผน ทุกครั้งที่เขาออกมาให้ความเห็นทางการเมืองจะสร้างความฮือฮาให้แก่สังคมรัสเซียและนานาชาติไม่น้อย แต่เขาก็ยังได้รับการสนับสนุนจากชาวรัสเซียอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยก็ในแง่ของความจงรักภักดีต่อประเทศชาติ ในปี ค.ศ.1990 เขาออกมาสนับสนุนการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียเพื่อต่อต้านกบฏแยกดินแดนชาวเชชเนียในช่วงเริ่มต้นของสงครามเชเชนครั้งที่สอง นอกจากนั้นเขายังเรียกร้องให้รัสเซียบังคับเอารัฐอลาสก้ากลับคืนจากสหรัฐอเมริกาและให้คืนอำนาจการควบคุมของมอสโกเหนืออดีตรัฐโซเวียตต่าง ๆ  นายเซเลนอฟสกี บอกกับ BBC ในปีค.ศ. 2018 ว่ายูเครนเป็นดินแดนของรัสเซีย: "มันเป็นอาณาเขตของเรา เป็นคนของเรา มันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศของเรา" ล่าสุดเมื่อปลายเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.2021 เขาได้ออกมาเรียกร้องให้รัสเซียบุกยูเครนและทำการประลองกำลังครั้งสุดท้ายกับชาติตะวันตก เขาใฝ่ฝันถึงสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่รัสเซียจะ "เผากรุงปารีส" หรือ "เผากรุงเบอร์ลิน" เขายังเป็นนักการเมืองคนเดียวที่ทำนายว่ารัสเซียจะทำการบุกยูเครน ในการปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนครั้งสุดท้ายของเขา ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม เขาอ้อนวอนขอให้ "เคียฟถูกทิ้งระเบิด" น่าเสียดายที่เขาล้มป่วยด้วยโรคโควิด-19 ก่อนการเริ่ม "ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ" ของรัสเซียในยูเครนเพียง 2 วัน  และไม่กี่วันก่อนที่เขาจะเสียชีวิตเขายังได้ส่งข้อความต้องการทราบข่าวและรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน.. ในขณะที่แหล่งข่าวอื่นกล่าวว่าเขายังคงอยู่ในไอซียูหรือแม้แต่อยู่ในอาการโคม่า ก่อนเสียชีวิตเขายังใฝ่ฝันว่าปี ค.ศ. 2022 จะเป็นปีที่สงบสุข โดยเขากล่าวว่า “มันจะเป็นปีที่ดีที่สุดหากรัสเซียจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง และทุกคนต้องหุบปากและเคารพประเทศของเรา”

                นายวลาดิมีร์ เซเลนอฟสกีเกิดเมื่อวันที่ 25 เมษายน ปี ค.ศ.1946 ในครอบครัวที่ยากจนในกรุง Alma-Ata (ปัจจุบันคือกรุงAlmaty) ในโซเวียตคาซัคสถาน พ่อของเขาซึ่งเป็นชาวยิวจากโปแลนด์ถูกเนรเทศไปยังเอเชียกลาง ในปี ค.ศ.1964 นายเซเลนอฟสกีได้เข้าศึกษาในภาควิชาตุรกีศึกษาที่สถาบันเอเชียและแอฟริกาศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอสโก เขาพูดได้ทั้งภาษาตุรกี ฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมัน เมื่อสำเร็จการศึกษาในปี ค.ศ.1969 เขาได้เข้ารับราชการทหารในจอร์เจีย แหล่งข่าวหลายแห่งกล่าวว่าเขาเคยเป็นอดีตตัวแทนของ KGB ซึ่งเขามักจะให้การปฏิเสธ หลังจบการศึกษาเขาได้ทำงานเป็นล่ามที่โรงงานกรดซัลฟิวริกที่สร้างโดยโซเวียตในประเทศตุรกี ในปี ค.ศ.1970 เขาถูกจับกุมในข้อหา "จารกรรมและโฆษณาชวนเชื่อ" จากนั้นจึงถูกส่งตัวกลับประเทศหลังจากใช้เวลาอยู่ในคุก 17 วัน เหตุการณ์ดังกล่าวทำลายอาชีพนักการทูตที่เขาคาดหวัง และทำให้เกิดข่าวลือเกี่ยวกับความผูกพันระหว่างเขากับ KGB ต่อมาเขาได้รับปริญญาด้านกฎหมายและทำงานในตำแหน่งต่างๆ ให้กับคณะกรรมการของรัฐและสหภาพแรงงาน ในปี ค.ศ.1989 เขาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ Shalom ซึ่งเป็นองค์กรวัฒนธรรมของชาวยิวในประเทศรัสเซีย ต่อมาปี ค.ศ.1990 เมื่อนายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ประธานาธิบดีสหภาพโซเวียต ยุติการผูกขาดผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์นายเซเลนอฟสกีก็โผล่ออกมาจากความมืดมิดเพื่อเป็นผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตย ในปี ค.ศ.1991 เขาได้ลงสมัครเพื่อต่อสู้กับเยลต์ซินเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของรัสเซีย  ความอื้อฉาวของนายเซเลนอฟสกีได้เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อเขาได้ปาน้ำผลไม้ใส่คู่แข่งทางการเมืองอย่างนายบอริส เนมท์ซอฟ (Boris Nemtsov) ในระหว่างการอภิปรายทางโทรทัศน์

                นายเซเลนอฟสกีเป็นนักพูดที่มีวาทศิลป์ มีวาจาร้อนแรงและเป็นนักรณรงค์ยุคใหม่ที่มีความเฉลียวฉลาด ได้รับคะแนนโหวตถึง 6 ล้านเสียง คิดเป็นร้อยละ 8 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัสเซีย บางแคมเปญของเขาเป็นที่ฮือฮา เช่นการให้คำมั่นที่น่าหัวเราะว่าจะแจกวอดก้าฟรี ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี ค.ศ. 1991 หากผู้มีสิทธิเลือกตั้งสนับสนุนเขา รวมถึงการทำให้เยอรมนีเต็มไปด้วยกากกัมมันตภาพรังสีและเข้ายึดครองรัฐบอลติก เขาหยิบยกประเด็นต่อต้านผู้อพยพ โดยแสดงความกังวลของชาวรัสเซียถึงผู้คนจากคอเคซัสที่กำลังพลัดถิ่นในเมืองต่างๆ ของรัสเซีย เขาต้องการให้ชาวจีนและชาวญี่ปุ่นทั้งหมดถูกเนรเทศ ในระหว่างการไปเยือนสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ.1992 เขาให้สัมภาษณ์ทีวีเกี่ยวกับ “การอนุรักษ์เชื้อชาติผิวขาว” และเตือนว่าชาวอเมริกันผิวขาวกำลังตกอยู่ในอันตรายที่จะเปลี่ยนประเทศของตนให้เป็นคนผิวดำและชาวฮิสแปนิก แนวคิดและวาทกรรมของเขาก่อให้เกิดความวิตกกังวลอย่างมากในระดับนานาชาติเมื่อพรรคของเขาขึ้นอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งสภาดูมาในปีค.ศ.1993 เขาขู่ว่าจะเผชิญหน้าทางทหารกับสหรัฐฯ ในอ่าวเปอร์เซีย ทำลายการคว่ำบาตรของนานาชาติต่ออิรัก ยกเลิกข้อจำกัดในการขายอาวุธให้อิหร่าน และขายหมู่เกาะคูริลที่เป็นข้อพิพาทให้กับญี่ปุ่นในราคา 5หมื่นล้านดอลลาร์ฯ นายเซเลนอฟสกียังเคยถูกไล่ออกจากบัลแกเรียฐานดูหมิ่นประธานาธิบดี และถูกห้ามเข้าเยอรมนี

                ไม่เพียงแต่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินที่ออกมาให้ความเคารพเขา เขายังได้รับการยกย่องสรรเสริญจากหนังสือพิมพ์รัสเซียหลายฉบับรวมถึงนักการเมืองรัสเซียคนสำคัญกลายคนเช่นนายวยาเชสลาฟ โวโลดิน (Вячеслав Викторович Володин) ประธานสภาดูมายังประกาศรำลึกถึงการจากไปของเขา โดยยกย่องเขาว่าเป็น "ชายผู้เฉลียวฉลาดและมีความสามารถ ผู้ซึ่งเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าโลกทำงานอย่างไร และทำนายหลายสิ่งหลายอย่าง" ในการจากไปของท่านบรรดาสมาชิกสภาดูมาได้ยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยและรำลึกถึงเขาในความทรงจำเป็นเวลาหนึ่งนาที ผู้เขียนจึงขออาศัยโอกาสนี้ในการร่วมไว้อาลัยและแสดงความเสียใจต่อการจากไปของนายเซเลนอฟสกีตำนานบทหนึ่งของการเมืองรัสเซียด้วยคนครับ

 

You may also like

เปิดตัวดัชนีชี้วัดความปลอดภัยของเด็ก บนโลกออนไลน์ทั้งในระดับชาติและระดับโลก

เปิดตัวด