วิกทหารพลิกโฉม!สู่โซเชียล เอ็นเตอร์ไพรส์
นำร่องผนึก JD ขายสินค้าเกษตร ปลุกศก.รากหญ้าฝ่าโควิด
……………………………………………………..
ศึกเดือดทีวี ฉีกแนวรบ 4.0! ททบ.5 เดินเกมควงแขนกระทรวงเกษตรฯ ผนึก JD พี่เบิ้มอีคอมเมิร์ชจีน ขนสินค้าเกษตรทั้งผลไม้ ผ้าไหม เครื่องสำอาง เครื่องหนังสายพันธุ์ไทย ขายผ่าน “เจดีดอทคอม” หวังอุ้มผู้ผลิตสินค้าเกษตรและผู้ประกอบการไทย ฝ่าวิกฤติโควิด
…………………………………………………………………
พลโท รังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 เปิดตัวในฐานะตัวแทนกองทัพบก เปิดเผยว่า เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และผู้ผลิตสินค้าไทย ไปจนถึงผู้ประกอบการต่างๆ ที่กำลังผจญวิกฤติโควิด-19 อย่างหนักในขณะนี้ จึงได้จับมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แล้วดึงอีคอมเมิร์ซรายใหญ่จากประเทศจีน คือ JD เข้ามาเป็นพันธมิตร เพื่อที่จะนำสินค้าเกษตรไทยไม่ว่าจะเป็นทุเรียน ข้าวหอมมะลิ ไปจนถึงผ้าไหม เครื่องสำอาง เครื่องหนัง และอื่นๆอีกมากที่เป็นของคนไทย ขายผ่านแพล็ตฟอร์มออนไลน์ “จีดีดอทคอม”(JD.com) โดยเบื้องต้นนี้จะเน้นสินค้าพรีเมียมเป็นสำคัญ
“จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่นี้ ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวลดลง ซึ่งล่าสุด กระทรวงการคลังได้ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจในปีนี้ จะขยายตัว 2.8% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3-4% โดยหลายๆกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทั้งการท่องเที่ยว ไปจนถึงผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ผลิตสินค้าเกษตร ยอดขายลดลงอย่างมาก ทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่ลดลงตามไปด้วย เราจึงต้องร่วมผนึกกำลังกันช่วยในครั้งนี้”
ซึ่งที่ผ่านมา ททบ. 5 กระทรวงเกษตรฯและเจดีดอทคอมได้ประชุมหารือกัน ในการนำสินค้าไทยขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ JD.com มาโดยตลอด คาดว่าภาพใน 2 สัปดาห์นี้ จะสรุปได้ชัดเจนว่าจะมีสินค้าไดขายในช่องทางดังกล่าวได้ในช่วงต้นนี้
โดยการขายจะเป็นการไลฟ์สด ส่งตรงไปยังสมาชิกเจดีดอทคอม โดยทางเจดีดอทคอมจะเป็นคนรับออร์เดอร์ และส่งออร์เดอร์มายังแพล็ตฟอร์ม OHLALA SHOPPING.com ซึ่งททบ. 5 ได้เปิดบริการมาได้ 6 เดือนแล้ว ที่จะเป็นตัวกลางของไทย เพื่อเตรียมออร์เดอร์ส่งกลับประเทศจีน ซึ่งจะใช้เวลาส่งถึงมือผู้บริโภคชาวจีนภายใน 2 วัน
สำหรับการจับมือกับ JD.com ของ ททบ. 5 ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกมิติหนึ่งของวงการทีวีในยุค 4.0 ที่การแข่งขันนับวันจะสูงขึ้น และไม่หยุดนิ่งอยู่ที่รายการบันเทิง ตลอดจนรายการข่าว ที่เป็นกลยุทธ์ห้ำหั่นกันมาช้านาน
ขณะที่ พลโท รังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ททบ. 5 เปิดเผยว่า ช่อง 5 คงไม่ไปแข่งในรูปแบบบันเทิง ตลอดจนการผลิตรายการไดๆ แต่ปรับรูปแบบมาเป็น โซเชียล เอ็นเตอร์ไพรส์ ที่จะมุ่งสร้างสรรค์สังคมและเศรษฐกิจของประเทศเป็นสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่เศรษฐกิจมีผลกระทบอย่างมาก เราจึงขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะร่วมผลักดัน เพื่อให้สังคมไทยผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
“เรทติ้ง คงไม่ใช่เรื่องสำคัญ ในแวดวงทีวีต่อไป ขนาดช่องที่มีเรตติ้งสูงยังประสบปัญหา”
ส่วนผลดำเนินงานของ ททบ. 5 เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา มีรายได้ 1,200 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 30% แต่ยังมีกำไรประมาณ 120 ล้านบาท
สำหรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หนึ่งในพาร์ทเนอร์ครั้งนี้ โดยนายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้เปิดเผยว่า แนวคิดในการจับมือกับ JD.com เพื่อนำสินค้าเกษตรไทยสู่มือผู้บริโภคชาวจีนผ่านระบบออนไลน์ทาง ททบ.5 ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการขายรูปแบบใหม่ เป็นอนาคตแห่งการขายสินค้าเกษตรที่เปลี่ยนไปจากการขายในช่องทางปกติ ซึ่งจะเป็นการช่วยยกระดับสินค้าเกษตรไทย อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาดในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ท้องตลาดมากๆได้อีกด้วย อันจะช่วยสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนให้กับภาคเกษตรไทย หลังจากนี้ กระทรวงเกษตรฯจะทำการคัดเลือกสินค้าที่ดีมีคุณภาพ และปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค เข้าร่วมโครงการ พร้อมเชิญเกษตรกรที่สนใจ นำสินค้าเข้าร่วมโครงการ และขยายตลาดสู่ต่างประเทศมากขึ้น
สำหรับ JD.com เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นอีคอมเมิร์ชรายใหญ่ของจีน จนได้รับการขนานนามว่า “อเมซอนแห่งจีน” โดยมีนายริชาร์ด หลิว เป็นผู้ก่อตั้ง มีจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งอื่นๆอยู่ 2 ประการคือ 1)วางตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นแล้วว่าเป็นอีคอมเมิร์ชที่จำหน่ายของแท้เท่านั้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในตัวสินค้า 2)มีระบบขนส่งเป็นของตัวเอง เพื่อควบคุมประสบการการซื้อที่ดีตั้งแต่หน้าร้านไปจนถึงผู้บริโภค
โดย JD.com มีผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 มีรายได้ 28,457 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 33.8% (เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า) มีกำไรสุทธิ 2,328 ล้นดอลลาร์สหรัฐ
Social Links