ศึกซักฟอก "ลุงตู่" ของฝ่ายค้านไม่คึกคัก เพราะ "ไวรัสอู่ฮั่น" ต้นเหตุ??
นายจักรยาน
สถานการณ์ระบาดโรคโคโรนาไวรัส สายพันธ์ใหม่ 2019 หรือที่เรียกว่า "ไวรัสอู่ฮั่น" เมดอินไซน่า ณ เมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ย ที่ทำให้ชาวโลกต้องผวาจากไวรัสนรกรุ่นใหม่
ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกต่างก็งัดมาตรการเข้มช้นในการควบคุมไม่ให้ "ไวรัสอู่ฮั่น" ระบาดในประเทศของตน
มหาภัยของ "ไวรัสอู่ฮั่น" ที่กำลังแพร่เชื้อไปทั่วภูมิภาคของโลกขณะนี้ ประเทศต่าง ๆ ก็ขอให้ประชาชนตระหนักถึงไวรัสนรกตัวนี้ เพื่อจะได้ป้องกันตนเองไม่ให้เชื้อเข้ามาสู่ร่างกายให้ดี ๆ
แต่ไม่ควรตระหนกตกใจมากเกินไปจนไม่กล้าออกนอกบ้านไปสถานที่ใด ๆ ก็จะยิ่งทำให้ตนเองจิตตกเครียดยิ่ง ๆ ขึ้น
ขณะนี้ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน และตรวจพบเจอนักท่องเที่ยวจีนที่ออกเดินทางไปเที่ยวประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกติดเชื้่อไวรัสตัวร้่ายตัวนี้
ส่วนใหญ่แล้วชาวจีนในประเทศจีนได้รับเคราะห์กรรมจาก "ไวรัสอู่ฮั่น" จนถึงเวลานี้ก็คาดว่าเป็นหมื่น ๆ คนไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ชาวจีนผู้ที่ติดเชื้อก็ได้รับการรักษาหายหลายพันคนเช่นกัน
เพราะฉะน้้น เจ้าตัววายร้ายพันธุ์ใหม่ แพร่ได้รวดเร็ว รักษาหายได้ และก็ตายได้ เป็นไปตามธรรมชาติของโรคทุกชนิดไม่ว่าจะโรคเก่าหรืออุบัติใหม่
ว่ามาว่ามาตรการปิดเมืองอู่ฮั่นและเมืองใกล้เคียงของรัฐบาลจีน เพื่อมิให้เชื้อแพร่กระจายออกไปทั่วประเทศจะสามารถควบคุมการระบาดของ "ไวรัสอู่ฮั่น" ได้ภายในระยะเวลา 6 เดือน
ในที่สุด "ไวรัสมฤตยู"ตัวนี้ ก็จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นของประเทศจีนตามธรรมชาติของเชื่อโรค!!
แต่ที่ร้ายกว่า "ไวรัสอู่ฮั่น" ก็คือ "ไวรัส" จากเฟกนิวส์ หรือข่าวปลอม ที่มีการละเลงเขียนมั่วแพร่ตามโซเซียลมีเดียไปทั่วโลกให้ชาวโลกตกใจเล่น ๆ
การควบคุมการระบาดของ "ไวรัสอู่ฮั่น" ทำได้ไม่ยาก แต่การควบคุมไม่ให้ "โรคเฟกนิวส์" ระบาดนั้นทำให้ยากเหมือน ๆ กันไปทั้งโลกใบนี้
แม้ว่าต่อไปภายภาคหน้าคิดค้นวัคซีนฉีดป้องกัน "โรคอู่ฮั่่น"ได้ แต่จะไม่มีวัคซีนใด ๆ ที่จะฉีดระงับโรค "เฟกนิวส์" ได้ทั้งชาตินี่้และชาติหน้า??
ข่าววอดวายชีวาวาย "ไวรัสอูฮั่น" ในประเทศไทยกลบแทบทุกข่าวก็ว่าได้ ทำให้ข่าว "ซักฟอก" ของ "ฝ่ายค้าน" มีอาการยึก ๆ ยักๆ ชักเข้าชักออก
หะแรกเป่าประกาศเสียงด้งว่าจะซักฟอก "ลุงตู่" และรัฐมนตรีเป้าหมายอีก 8 คนรวมเป็น 9 คน อันมีรายชื่อผู้โขคดีต่อไปนี้
1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม 2.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี 3.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
4.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี 5. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย 6.นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ
7.นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง 8.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์เกษตร 9.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข
พอถึงวันยื่้นซักฟอก "ลุงตู่" และรัฐมนตรี ปรากฏว่ามีรัฐมนตรีโชคดีกว่าคือชื่อหลุดหายไป 3 คน คือ 1.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี 2. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข 3. นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง
สำหรับ 3 รัฐมนตรีหลุดหายจากการซักฟอก "ฝ่ายค้าน" ได้ชี้แจงเหตุผลว่าทำไมถึงต้องถอนชื่อออกก็ว่ากันไปตามเกมการเมือง
เนื่องจากการเมืองมีท้ังเหตุผลที่ฟังขึ้นกับฟังขึ้น ก็อยู่ที่วิจารณญาณของประชาชนจะคิดและเชื่ออย่างไร??
อา..ศึกซักฟอกจะยิ่งใหญ่สมคำโฆษณาคุยหรือไม่ ก็คาดเดาไม่ได้ แต่ที่แ ๆ พรรคร่วมฝ่ายค้านที่มีอยู่ 7 พรรคก็หดลงเหลือ 6 พรรค
เพราะ "พรรคเศรษฐกิจใหม่" ประกาศถอนตัวออกจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน ขอเป็นฝ่ายอิสระสบายใจกว่ากันเยอะเลย
ว่ามาว่า ณ วันนี้ ประชาชนไม่ค่อยสนใจอยากรู้ว่ารัฐมนตรึคนใดจะโดนเชือด โดยเฝ้าติดตามสนใจเรื่อง "ไวรัฐปีศาจ" มากกว่าข่าวอื่น ๆ
ด้วยเหตุฉะนี้ จึงส่งผลกระทบไปถึงภาพยนต์เรื่อง "ศึกซักฟอก" ไม่ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างคึกคัก??
อ๊ะ อ๊ะ จะด้วยเหตุฉะนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ "ฝ่ายค้าน" เตรียมหาเหตุุซักฟอก "ไวรัส เมดอินไชน่า"มาหาเรื่องถล่มโจมตี "ลุงตู่" ณ ไทยแลนด์??
ปรากฏว่ามีเสียงสะท้อนกลับมาทันควันในทางลบถึง "ฝ่ายค้าน" ที่จะหยิบเรื่องโรคมหาวายร้ายมาเล่นเกมการเมือง เพื่อต้องการให้ประเทศเสียหายขาดความน่าเชื่อถือ
ถ้าคิดในแง่การประชาสัมพันธ์ให้พ่อแม่พี่น้องหันมาสนใจการอภิปรายไม่ไว้วางใจ "ลุงตู่"กันมาก ๆ ว่าจะโดน "ฝ่ายค้าน" รุมถล่มด่าให้เกี่ยวโยงกับ "ไวรัสอู่ฮั่น" อย่างไรบ้าง ก็ว่ากันไปตามสะดวกปาก
แต่ที่แน่ ๆ เจ้าตัว"ไวรัสกาละกิณี"อุบัติใหม่ ทุกประเทศต่างก็มีแผนในการรับมือการระบาดเถิดเทิงให้ชาวโลกมีความเชื่อมั่น เพื่อให้ประชาชนร่วมไม้ร่วมมือในการช่วยกันยับยั้งการระบาดไม่ให้ระบาด!!
ถ้าในวันซักฟอก "ฝ่ายค้าน" ทำจริงตามโฆษณาไว้ หาประเด็นเรื่อง "ไวรัสมรณะ" มาโจมตี "ลุงตู่" ว่าเป็นตัวการที่ทำให้ "ไวรัสอู่ฮั่น" มาระบาดที่ประเทศไทยและแพร่กระจายไปทั่วโลก
ผู้คนทั้งโลกที่ได้ยินได้ฟังได้อ่านข่าวแล้วคงเป็น "ไวรัสขำกลิ้ง" แน่ ฮ่า ฮ่า ห้า!!
Social Links