สถานการณ์การเมืองทุกยุคสมัย "ประชาชน" ถูกแอบอ้างตลอดเวลา!!
นายจักรยาน
ต้องขอขอบคุณผู้ที่ให้คำนิยามผู้ที่เข้าสู่สนามการเมืองว่าเป็นการ "เล่นการเมือง" เพราะเป็นสิ่้งที่ถูกต้องที่สุด
ทุกยุคทุกสมัยของสถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกัน นักการเมืองทั้งซีกรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมถึงการเมืองคนละขั้วก็เล่นบทบาทตามหน้าที่ของตนเองด้วยวาทะกรรมเชือดเฉือนกันไปมา
นักการเมืองที่เล่นการเมืองมักจะอ้าง "ประชาชน" มาเล่นด้วยเสมอ ๆ เพื่อที่จะอ้างว่ามีประชาชนสนับสนุนฝ่ายตนเองจำนวนมาก
โดยทำเป็นไม่รู้ไม่ซี้ว่า ยังมี "ประชาชน" สนับสนุนนักการเมืองคนอื่นและพรรคการเมืองอื่นตามที่ได้เลือกเข้าไปในสภาผู้แทนราษฎร
ใช้คำพูดที่เป็น "ภาพลวงตา" ให้เห็นว่ามี "ประชาชน" หนุนอยู่เยอะและต้องการหยุดยั้งสกัดกั้นอีกฝ่ายหนึ่ง
แต่ในความจริง ประชาชนที่เลือกคนของพรรคไหนเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ "จบเกม" ในการใช้สิทธิของตนเอง แต่ก็ถูกแอบอ้างจากนักการเมืองตลอดเวลาไม่มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดราชการ
ด้วยเหตุฉะนี้ "ประชาชน" คนธรรมดาอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ก็ถูกอ้างชื่อการจัดตั้งรัฐบาลโดยชอบธรรมของแต่ละขั้วการเมืองคงจะต้องทำใจที่บางคนถูกใจและบางคนไม่ถูกใจ
ก็ไม่รู้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชนที่จะไปฟ้องร้องผู้ที่แอบอ้างได้หรือเปล่า??
ดังนั้น ณ เวลานี้สถานการณ์การเมืองจึงชุลมุนแย่งชิงการจัดตั้งรัฐบาล นักการเมืองแต่ละฝ่ายก็เล่นการเมืองแบบปล่อยข่าวโผจัดตั้งรัฐบาลกันสนุกสนานหรรษา
โดยเฉพาะมีการปล่อยข่าวลวงให้เชื่อ ปั้นข่าวเท็จให้ดูเป็นจริง ทั้งข้อความที่เขียนและรูปภาพ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับการแชร์ต่ออ่านแล้วอาจอุทานออกมาว่า อะไรกันว่ะ!!
พรรคการเมืองแต่ละพรรคก็เล่นการเมืองยั่วยุแหย่ตอกย้ำให้พรรคการเมืองอีกพรรครักษาคำพูดว่าจะไม่สนับสนุนสืบทอดอำนาจของ คสช.
เฮ่อ!! ทำอย่างกับว่าพรรคการเมืองที่ถูกอีกฝ่ายประชดประชันเสียดสีถากถางแล้ว พรรคการเมืองนั้นจะเชื่อฟังทันทีทันใด??
นอกจากนี้ก็มีการปล่อยข่าวให้เกิดกระแสทางการเมืองว่าจะมี "ขั้วที่ 3" รวมกับพรรคขนาดกลางเพื่อจัดตั้งรัฐบาลแขงกับ 2 ขั้วใหญ่!!
อีกกระแสล่าสุดที่มีข่าวกระพือออกมาว่า "พรรคประชาธิปัตย์ " 52 เสียง กับ "พรรคภูมิใจไทย" 51 เสียง รวมแล้ว 103 เสียงจะจับมือกันมั่นในการสู้เกมต่อรองการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้ได้กระทรวงเกรดเอทางด้านเศรษฐกิจบ้าง
ไม่เห็นชอบด้วยที่ "พรรคพลังประชารัฐ" ฮุบไว้พรรคเดียว!!
เมื่อเกมยังไม่จบ ก็ต้องคอยดูกันในตอนจบว่าข่าวดังกล่าวจะมีอะไรเซอร์ไพร์ซหรือไม่
สำหรับเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ทุกฝ่ายพุ่งตรงไปที่ "ท่านบัญญัติสิบประการ" บัญญัติ บรรทัดฐาน ผู้อาวุโสแห่งพรรคประชาธิปัตย์ ว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถและเหมาะสมกว่าใคร
แต่ "ท่านบัญญ้ติ" ได้เอ่ยปากปฏิเสธด้วยตนเองว่า ไม่ขอรับเก้าอี้นี้ ขอเป็น ส.ส.ธรรมดาที่สามารถทำงานได้คล่องตัวกว่ามีตำแหน่งอันทรงเกียรติ
พร้อมทั้่งแย้มเป็นนัยว่า บุคคลในพรรคประชาธิปัตย์มีอีกหลายคนที่เหมาะสมในการนั่งเก้าอี้ "ท่านประธานที่เคารพ"
ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 วันเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรก็จะได้รู้กันว่า "ท่านบัญญัติ" เปลี่ยนใจรับเป็น "ท่านประธานฯ"หรือไม่
หรือมี ส.ส.ของพรรคคนใดคนหนึ่งที่เหมาะสมเป็นนั่งเก้าอี้ใหญ่นี้ หรือจะเป็น ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐเอง และหรือเป็น ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาลอื่น!!
หลังจากที่รู้ผลว่า "ท่านประธานที่เคารพ" เป็นผู้ใดจากพรรคร่วมรัฐบาลไหนแล้ว ก็จะทำให้มีความขัดเจนว่าพรรคการเมืองที่ได้ร่วมเป็นรัฐบาลปริ่มน้ำมีกี่คะแนนเสียงที่แน่ ๆ
ส่วนความชัดเจน ณ วินาทีนี้ใคร ๆ ก็รู้ว่า "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งเก้าอี้สืบทอดการเป็น "นายกรัฐมนตรี" อีกวาระหนึ่ง
มีผู้รู้มากได้วิเคราะห์และสังเคราะห์คำพูดของ "บิ๊กตู่" ที่ตอบคำถามบรรดาสื่อมวลชนมีความอ่อนหวานลงท้ายว่า "นะจ๊ะ"
เปรียบเสมือนเป็นการสื่อความหมายหวาน ๆให้ได้รับรู้กันว่า"เก้าอี้นายกรัฐมนตรี" ที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เขียนจองล่างหน้าให้ "บิ๊กตู่"นั่งต่อไปได้สำเร็จสมประสงค์โดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
แต่ถ้า "อยากอยู่ยาว" ให้นานที่สุด ก็ขึ้นอยู่กับ "ประชาชน" ทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ว่าจะยินดีให้อยู่ยาวเท่าไหร่
ก็ขออนุญาตอ้าง "ประชาชน" เลียนแบบท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย คงไม่ผิดกติกานะ!!
Social Links