“สีจิ้นผิง”เรียกร้องจีน-ยุโรป
ยกระดับความร่วมมือและจัดการความแตกต่าง
ย้ำความทันสมัยแบบจีนคือโอกาสของยุโรป
การประชุมสุดยอดจีน-สหภาพยุโรป ครั้งที่ 24 ได้เปิดฉากขึ้นที่กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยถือเป็นการประชุมแบบพบปะเจอตัวกันครั้งแรกระหว่างสองมหาอำนาจของโลกหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19
ในโอกาสนี้ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้พบปะหารือกับนายชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป และนางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป โดยผู้นำจีนได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความสัมพันธ์จีน-สหภาพยุโรป ที่มีต่อเสถียรภาพและสันติภาพของโลก ท่ามกลางสถานการณ์ความวุ่นวายระหว่างประเทศ พร้อมกับเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยกระดับความร่วมมือและจัดการกับความแตกต่างผ่านการหารือกัน
สนับสนุนความสัมพันธ์จีน-สหภาพยุโรปที่เหมาะสม
ปีนี้ถือเป็นวาระครบรอบ 20 ปีของความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้านจีน-สหภาพยุโรป โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จีนและสหภาพยุโรปมีการแลกเปลี่ยนระดับสูงระหว่างกันอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อเดือนมิถุนายน นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้เดินทางเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรกหลังจากเข้ารับตำแหน่ง โดยเดินทางเยือนประเทศเยอรมนีและฝรั่งเศส ต่อมาในเดือนตุลาคม การหารือเชิงยุทธศาสตร์ระดับสูงจีน-สหภาพยุโรป รอบที่ 12 ได้จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งถือเป็นการมีปฏิสัมพันธ์กันครั้งล่าสุดระหว่างทั้งสองฝ่าย
“จีนและสหภาพยุโรปควรรักษาความสัมพันธ์ที่เหมาะสมในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รอบด้าน” นายสี จิ้นผิง กล่าวระหว่างการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี พร้อมกับเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้ประโยชน์จากบทบาทชี้นำของการประชุมสุดยอดจีน-สหภาพยุโรป และการหารือระดับสูงทั้งห้าเวที ตลอดจนเสริมสร้างการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ ยกระดับความเข้าใจ และจัดการกับความแตกต่างอย่างเหมาะสมผ่านการเจรจาที่สร้างสรรค์
“เราไม่ควรมองอีกฝ่ายเป็นคู่แข่งเพียงเพราะระบบของเราแตกต่างกัน เราไม่ควรลดระดับความร่วมมือเพียงเพราะมีการแข่งขันกัน และเราไม่ควรเผชิญหน้ากันเพียงเพราะมีความเห็นไม่ตรงกัน” ประธานาธิบดีจีนเน้นย้ำ
ด้านนายชาร์ลส์ มิเชล และนางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน กล่าวว่า สหภาพยุโรปไม่ต้องการแยกจากจีน แต่ต้องการแสวงหาความสัมพันธ์ระยะยาวที่มั่นคง คาดการณ์ได้ และยั่งยืนกับจีน โดยหวังว่าการประชุมสุดยอดจีน-สหภาพยุโรป จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายอีกครั้ง
การประชุมสุดยอดจีน-สหภาพยุโรป จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2541 ในฐานะการประชุมประจำปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการหารือและความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย ครอบคลุมทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสังคม โดยการประชุมสุดยอดครั้งก่อนจัดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วในรูปแบบของการประชุมทางไกลผ่านวิดีโอ
ในการประชุมสุดยอดปีนี้ ทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นว่าจะส่งเสริมการสื่อสารและการประสานงานในเวทีระดับพหุภาคี ซึ่งรวมถึงการประชุมขององค์การสหประชาชาติและกลุ่ม G20 ตลอดจนสนับสนุนลัทธิพหุภาคี และส่งเสริมดุลยภาพทางการเมืองระหว่างประเทศและภูมิภาค
ความทันสมัยแบบจีนคือโอกาสสำหรับสหภาพยุโรป
“ในขณะที่จีนกำลังแสวงหาการพัฒนาอย่างมีคุณภาพสูงและการเปิดกว้างอย่างมีมาตรฐานสูง จีนก็มองว่าสหภาพยุโรปเป็นพันธมิตรหลักสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า เป็นพันธมิตรที่ดีสำหรับความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือสำหรับความร่วมมือทางอุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทาน” ผู้นำจีนกล่าวกับผู้นำสหภาพยุโรปทั้งสองท่าน
จีนและสหภาพยุโรปยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสองของกันและกัน โดยข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุว่า การค้าสองทางมีมูลค่าเพิ่มขึ้นแตะ 8.473 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2565 หรือเฉลี่ยกว่า 1.6 ล้านดอลลาร์ต่อนาที
ปีนี้ยังถือเป็นวาระครบรอบ 10 ปีของข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ที่นำเสนอโดยจีน และในระหว่างการประชุมครั้งนี้ ประธานาธิบดีจีนได้แสดงความปรารถนาที่จะเสริมสร้างความร่วมมือกับสหภาพยุโรปภายใต้ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ซึ่งรวมถึงการประสานความร่วมมือระหว่างข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางกับยุทธศาสตร์ประตูสู่โลก (Global Gateway) ของสหภาพยุโรป
คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) เปิดเผยว่า รถไฟด่วนจีน-ยุโรป (China-Europe Railway Express) หนึ่งในโครงการเรือธงภายใต้ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ได้ให้บริการแก่ 217 เมือง ใน 25 ประเทศยุโรป ด้วยรถไฟขนส่งสินค้าระหว่างจีนกับยุโรปราว 81,000 เที่ยว ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน
นายชาร์ลส์ มิเชล และนางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน กล่าวว่า สหภาพยุโรปมองว่าเศรษฐกิจจีนที่เติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาวเป็นผลดีต่อยุโรป พร้อมกับแสดงความหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมการหารือและความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจและการค้า ดิจิทัล และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนรักษาห่วงโซ่อุปทานและห่วงโซ่อุตสาหกรรมให้ปลอดภัยและมีเสถียรภาพ
“ความทันสมัยแบบจีนและการบูรณาการยุโรปคือกลยุทธ์ที่จีนและยุโรปเลือกใช้ตามลำดับ โดยคำนึงถึงอนาคตเป็นหลัก” นายสี จิ้นผิง กล่าว
ผู้นำจีนกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายควรเคารพและสนับสนุนซึ่งกันและกัน และใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์การพัฒนาที่ส่งเสริมกันเพื่อความก้าวหน้าร่วมกันต่อไป
Social Links