หุ้นไทยขาขึ้นอีก 2 ปี ระวัง! กระทิง “ชี้ฟ้า”

หุ้นไทยขาขึ้นอีก 2 ปี ระวัง! กระทิง “ชี้ฟ้า”

จริงหรือ? ที่ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นหลักทั่วโลก อยู่ในภาวะ “กระทิง” จากนี้ไปอีก 2 ปี

เรื่องนี้ ได้รับการยืนยันจาก นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ ที่แสดงความเชื่อมั่นว่า ผลจากการที่สภาพคล่องทั่วโลกยังคงมีสูงมาก จึงยังทำให้ตลาดหุ้นของไทยและทั่วโลกอยู่ภาวะ “ขาขึ้น” ต่อเนื่องในระยะยาวอย่างน้อยก็อีก 2 ปี

“สภาพคล่องยังล้นโลกแม้ช่วง ต.ค.นี้ เฟด (ธนาคารกลางสหรัฐ) จะเริ่มลดขนาดงบดุล แต่ยังน้อยเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศยุโรปและญี่ปุ่น ที่ยังคงใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ กระนั้น เฟดเองก็จะเริ่มลดงบดุลและสหรัฐฯ เริ่มมาตรการลดภาษีนิติบุคคล สำหรับตลาดหุ้นไทยนั้น ระยะสั้นอาจมีการปรับฐานลงบ้างเพราะราคาหุ้นขึ้นเริ่มเกินค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นอาเซียน อีกด้านหนึ่ง โดยที่ปัจจัยพื้นฐานของไทยยังคงสดใส โดยเฉพาะ การลงทุนของภาครัฐ และการประกาศเลือกตั้งช่วงปลายปีหน้า” นายไพบูลย์ ระบุ

ด้าน นายสันติ กีระนันทน์ ผู้แทนสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวในทิศทางเดียวกัน โดยย้ำว่า เป็นครั้งแรกในรอบ 2 หลังจากมีการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ที่ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือน ต.ค.ซึ่งมองไป 3 เดือนข้างหน้า พุ่งทะยานร้อนแรงสูงสุด ไปอยู่ที่ 162.63 จุดเพิ่มขึ้นถึง 31.02% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่อยู่ระดับ 124.13 จุด

“ยังเป็นมุมมองที่เพิ่มขึ้นในทุกประเภทนักลงทุน มากสุดคือ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นถึง 40% ตามด้วยนักลงทุนรายบุคคล 32.69% นักลงทุนต่างชาติ 28.57% ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้น 21.79% ทั้งนี้ เป็นผลมาจากเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในไทย ประกอบกับเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว” นายสันติ กล่าว พร้อมกับย้ำว่านักลงทุนจะต้องติดตามเรื่องปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ นโยบายทางการเงินของสหรัฐฯ ที่ส่งผลถึงการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน และการเคลื่อนย้ายเงินทุน

ขณะที่มุมมองของนักลงทุนรายใหญ่รายหนึ่ง กลับแสดงความเป็นห่วงสถานการณ์ภายในประเทศมากกว่าโดยเฉพาะช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องจนถึงตลอดปีหน้า เนื่องจากหวั่นเกรงความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันในทางการเมือง เนื่องจากมีสัญญาณที่ไม่ค่อยสู้ดีนักเกี่ยวกับสถานภาพของรัฐบาล คสช. ที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ จึงขอให้นักลงทุนระมัดวังในการลงทุน พร้อมกับคอยติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงนับจากนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป