อย่าแค่ประชาธิปไตยครึ่งใบ!
ทั้งรู้ทั้งซึ้ง!! บ้านเมืองเราอยู่ในยุคของการปฏิรูป
ไม่ต้องถามว่ามีประชาธิปไตย ครึ่งนึงหรือเต็มใบ หรือจะแค่เสี้ยว ก็อย่าถามให้ช้ำใจ ก็ในเมื่อรัฐบาลที่กำลังฟูมฟักประเทศอยู่ขณะนี้มาจากการรัฐประหาร
หากแต่เป้าหมายที่พูดกันซ้ำไปซ้ำมาเป็นแผ่นเสียงตกร่องอยู่ทุกวี่ทุกวัน คือการปฏิรูปประเทศสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน
แต่นั่นแหละ จากปรากฏการณ์สารพัดที่เกิดขึ้น มันทำให้อดมีคำถามลั่นในหัวอกไม่ได้
อย่างกรณีให้คนไม่กี่คนเลือก ส.ว. 250 คน แต่ประชาชนทั้งประเทศกลับเลือกผู้แทนได้แค่ 500 คน
บวก ลบ คูณ หาร ดู สัดส่วนมันกลับหัวกลับหางพิลึกพิลั่น!
ประสานเสียงกับเรื่องนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ อาจจะมีหน้าตาไม่ผิดไปจากคนปัจจุบัน พร้อมกับโยงทอดยาวของคำว่า “สืบทอดอำนาจ”
ท่ามกลางเสียงอื้ออึงของนายกรัฐมนตรีคนนอกหรือคนใน
ผ่านมาไม่รู้กี่ปี ตายไปไม่รู้กี่ศพ ประเทศไทยยังอึงคะนึงด้วยคำคำนี้อีกหรือ!
ฟังเสียงของ ศ.ดร.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ที่พูดถึงนักการเมืองในท่วงทีที่ว่า ยังคุ้นชินกับประชาธิปไตยครึ่งใบ แถมกูจะคุ้นเคยกับการร่วมมือกับชนชั้นนำภาครัฐเพื่อตั้งรัฐบาล ส่วนพรรคการเมืองระดับรอง ก็เปรียบเปรยไปว่า ไม่ต่างกับหางเครื่อง
คำว่าผู้นำภาครัฐ คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก “ทหาร”
ถ้ามองการเมืองแบบนี้ จากเงื่อนไขสารพัด ล้วนแต่รัดตรึงให้การเมืองกระดิกกระเดี้ยได้ยากทำให้มองการเลือกตั้งในสมัยหน้า เท่ากับเป็นสูตรสำเร็จ ที่จะล็อกอำนาจไว้กับคนใดคนหนึ่ง
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น แม้อะไรต่อมิอะไร จะอยู่ในระหว่างงานปฏิรูป ไม่ว่าจะการเมือง การศึกษา ข้าราชการ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะใช้เวลาอีกกี่สิบปี
ในขณะที่วันเลือกตั้ง ถ้าตามโรดแมปและโรดเมาธ์ของนายกรัฐมนตรี ก็ราวๆ ปลายปี 2561 ซึ่งการปฏิรูปคงยังเป็นแค่ลมปากหรือตัวหนังสือไม่กี่ตัว
แต่ถ้าคนไทยร่วมมือกันปฏิรูป ด้วยการเดินหน้าไปลงเสียงเลือกตั้งอย่างพร้อมเพรียง เพื่อเลือกผู้แทนและนายกรัฐมนตรี ตามแนวทางประชาธิปไตย
อันหมายถึง “ประชาธิปไตยเต็มใบ”
เท่ากับการปฏิรูปเดินหน้าไปได้ 1 ก้าวแล้ว!
Social Links