เปลี่ยน “ตีกิน” เป็นเดินหน้าเลือกตั้ง?
หลายฝ่ายมองเป็นการ “ตีกิน” ของรัฐบาล คสช. กรณีคณะรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป (อียู) แถลงตกลงที่จะปรับความสัมพันธ์ด้านการเมือง พร้อมกลับเข้าสู่การติดต่อทางการเมืองกับไทยในทุกระดับ ปูทางไปสู่การเจรจาในหลายประเด็นสำคัญร่วมกัน ด้วยเพราะเห็นทิศทางการเมืองไทยมีโอกาสกลับสู่วิถีทางประชาธิปไตย อันเนื่องจากรัฐธรรมนูญใหม่ และเตรียมการเลือกตั้งในปีหน้า
นั่นเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ออกมาขานรับในทำนอง…รู้สึกยินดีและเป็นความพยายามทำในสิ่งที่รัฐบาลได้ทำมาตลอด 3 ปี โดยเฉพาะการให้ความสำคัญด้านตลาดส่งออกและการค้าการลงทุน ถือว่าอียู มองเห็นความสำคัญและความตั้งใจของรัฐบาล ทั้งออกกฎหมายอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
ที่พวกเขามองเช่นนั้น ด้วยเหตุว่า…การที่อียูกระทำเช่นนี้ เพียงเพราะต้องการจะปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง และไม่ต้องการ “ตกขบวน” ที่จะเกาะเกี่ยวไทย ด้วยการปล่อยให้จีนเข้ามาสร้างโอกาสและประโยชน์แต่ฝ่ายเดียว ขณะที่ก่อนหน้านี้ฝั่งสหรัฐอเมริกา โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เอง ก็เริ่มปูทางวางผลประโยชน์ของตนในไทยเช่นกัน
กระนั้น ภายใต้เงื่อนไขทั้ง 14 ข้อของอียู ก็มีบางข้อที่ระบุชัด! ว่า…ความสัมพันธ์ที่จะฟื้นขึ้นมาในรอบใหม่นี้ จะต้องเกิดขึ้นภายหลังที่ไทยกลับเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ภายใต้วิถีทางแห่งประชาธิปไตย กระทั่งมีรัฐบาลพลเรือนแล้วเท่านั้น
นั่นก็หมายความว่า…ความสัมพันธ์ที่ฝ่ายไทย ทั้งรัฐบาล คสช. และกระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้การนำของ นายดอน ปรมัติถ์วินัย แถลงข่าวถึงความสำเร็จครั้งนี้ จึงมิต่างจากการ “ตีกิน” โดยที่ข้อเท็จจริงแล้ว สิ่งนี้…หาได้เกิดขึ้นในยุครัฐบาล คสช.แต่อย่างใด?
ทีมข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าว ThaiBCC.news เชื่อว่าอย่างน้อย…การที่เมืองไทยจะมีรัฐบาลใหม่ที่เป็นพลเรือน ภายหลังการเลือกตั้งนั้น ก็ต้องโน่นเลย…ต้นถึงกลางปี 2561 ฉะนั้น การที่ รัฐบาล คสช.จะลบล้างภาพการ “ตีกิน” ได้ จึงขึ้นอยู่กับการเร่งรัดและตัดตอนเพื่อให้มีการผ่อนปรนให้กับพรรคการเมือง พร้อมจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด อย่างน้อยก็ไม่ควรเกินโรดแมปที่ตัวเองวางไว้ นั่นคือ…พ.ย.2561
ทีมข่าวเศรษฐกิจ
สำนักข่าว ThaiBCC.news
Social Links