เปิดตัว “QR KBank” เป๋าเงินออนไลน์ต่างแดน
กสิกรไทย เปิดตัว “QR KBank” แอปฯกระเป๋าเงินออนไลน์แรกของธนาคารไทยในต่างประเทศ นำร่อง สปป.ลาวเป็นประเทศแรกของตลาด AEC ตั้งเป้าปีแรก 2 ล้านรายการ กับยอดใช้จ่าย 36,000 ล้านกีบ
เป้าหมายเชิงรุก อิงแผนยุทธศาสตร์ “เจาะตลาด AEC” ของธนาคารกสิกรไทย (KBank) ชัดเจนมากขึ้นทุกขณะ ล่าสุด วันนี้ (11 ธ.ค.61) พวกเขาประกาศ “นำร่อง” เปิดตัว “QR KBank” แอปพลิเคชั่น “กระเป๋าเงินออนไลน์” เป็นแรกของวงการธนาคารพาณิชย์ไทยในต่างประเทศ เริ่มที่ สปป.ลาว เป็นการเอาฤกษ์เอาชัย…
นายพัฒนพงศ์ ตัณฑ์สมบุญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา สปป.ลาว มีการเติบโตทางเศรษฐกิจในอัตราที่สูงต่อเนื่อง แต่การเข้าถึงบริการทางการเงินยังเป็นไปได้ยาก มีประชากรเพียง 26% ของทั้งหมดเท่านั้นที่มีบัญชีธนาคาร เนื่องจากสาขาธนาคารรวมถึงเครื่องเอทีเอ็มมีจำนวนจำกัดและมีกระบวนการเปิดบัญชีธนาคารที่ค่อนข้างยุ่งยาก แต่ประชาชนสปป.ลาวใช้โทรศัพท์มือถือกว่า 91% และเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือสูงถึง 90%
ดังนั้น ธนาคารกสิกรไทยในฐานะ “ผู้นำ” ด้านดิจิทัล แบงกิ้งของไทย เห็นโอกาสในการให้บริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลใน สปป.ลาว จึงได้เปิดตัวบริการ “QR KBank” แอปพลิเคชันกระเป๋าเงินออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันสำหรับคนสปป.ลาว สามารถเปิดใช้บริการได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีธนาคาร สามารถเติมเงินเข้าบัญชี โอนเงินระหว่างกัน และใช้ชำระเงินผ่าน QR Code ช่วยลดปัญหาการพกเงินสดเป็นจำนวนมาก เปรียบเสมือนเป็นกระเป๋าสตางค์อัจฉริยะในโทรศัพท์มือถือของทุกคน
นอกจากนี้ ธนาคารฯยังมีแอปพลิเคชัน ซึ่งใช้บริหารจัดการร้านค้า “QR KBank Shop” สำหรับร้านค้ารายย่อยที่มีฟังก์ชั่นรับการชำระเงินผ่าน “QR KBank” ได้อย่างปลอดภัย ลดต้นทุน ความเสี่ยงของการบริหารเงินสดและเงินทอน โดยแอปนี้จะมีการสรุปยอดขายในแต่ละวันทำให้เจ้าของกิจการสามารถวางแผนการการทำธุรกิจได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารฯได้จับมือกับตลาดหนองจัน หรือ “ตลาดขัวดิน” เริ่มให้บริการ QR KBank กระเป๋าเงินออนไลน์ ในวันที่ 11 ธันวาคม 2561 พร้อมเปิดตัวแคมเปญ “สะดวกคนขาย สบายคนซื้อ รับจ่ายดีเมื่อมี QR KBank” มาใช้เป็นแห่งแรกใน สปป.ลาว ทำให้ตลาดหนองจันเป็นตลาดต้นแบบที่ไม่ต้องใช้เงินสด คาดว่าภายในปี 2562 จะมีปริมาณการทำธุรกรรมผ่าน QR KBank ประมาณ 2 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 36,000 ล้านกีบ หรือประมาณ 115 ล้านบาท
ด้านนายวิสิด แสงดาลา ผู้อำนวยการบริษัท เหลียงเฮงการค้า บริการจัดสรรตลาด จำกัด ผู้บริหารตลาดหนองจัน กล่าวเสริมว่า ตลาดหนองจันถือเป็นจุดศูนย์กลางการค้าขายสำคัญของนครหลวงเวียงจันทน์ เป็นตลาดที่มีการยกระดับและปรับตัวให้เป็นตลาดที่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา และเป็นตลาดที่คน สปป.ลาวในเวียงจันทน์และจากต่างแขวงมาจับจ่ายซื้อของกันทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหาร/โรงแรม ร้านค้าปลีก/ค้าส่ง จนไปถึงลูกค้าทั่วไป และมีชื่อเสียงจนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติเข้ามาเยี่ยมเยือน
ด้วยสินค้าที่หลากหลายมากกว่า 700 ร้าน ทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากกว่า 2,000 คนต่อวัน มีปริมาณการจับจ่ายใช้สอยสะพัดสูงกว่า 3,000 ล้านกีบต่อเดือน นอกจากนี้การนำ QR KBank และQR KBank Shop มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของตลาด จะเป็นนวัตกรรมที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ทั้งพ่อค้า แม่ค้า และลูกค้าในการใช้จ่าย ทำการค้ากันได้อย่างคล่องตัวและปลอดภัยมากขึ้น
อนึ่ง ในอนาคตธนาคารกสิกรไทยได้มีการวางแผนนำ QR KBank และ QR KBank Shop มาใช้เพื่อยกระดับระบบการชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัลของพันธมิตรทางธุรกิจของธนาคาร โดยมีแผนในการให้บริการในต้นปี 2562 นอกจากนี้แล้วยังได้มองถึงความเป็นไปได้ในการขยายฟีเจอร์การให้บริการบน QR KBank ให้สามารถตอบโจทย์ของคนสปป.ลาวได้ครอบคลุมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเติมเงินมือถือ การขยายจุดรับชำระค่าสินค้าในรูปแบบอื่น ๆ ให้หลากหลายมากขึ้น รวมทั้งขยายจำนวนช่องทางการนำเงินเข้า-ออกให้ครอบคลุมทั่วถึงเพื่ออำนวยความสะดวกของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
นอกเหนือจากการให้บริการข้างต้น ธนาคารกสิกรไทย สปป.ลาว ยังมีการให้บริการผลิตภัณฑ์เงินฝาก สินเชื่อ และผลิตภัณฑ์การเงินระหว่างประเทศ (International Trade Product) กับลูกค้าบุคคล และกลุ่มธุรกิจ โดยมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าไทยและลูกค้าท้องถิ่น (สปป.ลาว) ซึ่งมีผลประกอบการที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง
การเปิดตัว QR KBank ใน สปป.ลาว ของธนาคารกสิกรไทยในครั้งนี้ นับเป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญของธนาคารไทย ในการนำเทคโนโลยีมาใช้ยกระดับและขยายขอบเขตการให้บริการของธนาคารในภูมิภาค
AEC+3 เพื่อตอบสนองความต้องการและปรับตัวเข้าหาผู้บริโภคยุคดิจิทัลผ่าน Mobile Platform และต่อไปธนาคารมีแผนที่จะนำองค์ความรู้จาก QR KBank ในสปป.ลาวไปปรับใช้และต่อยอด ในการนำ Mobile Platform ไปใช้เป็นต้นแบบธุรกิจของธนาคารในกลุ่มประเทศ CLMVI เพื่อตอกย้ำจุดยืนในฐานะธนาคารแห่งภูมิภาค AEC+3 ด้วยการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านดิจิทัล แบงกิ้ง ในภูมิภาค AEC+3 อย่างแท้จริง.
Social Links