เรื่องของคนรวยที่กระทบคนจน?

เรื่องของคนรวยที่กระทบคนจน?

 

เรื่องของคนรวยที่กระทบคนจน?

            เรื่องของ “อภิมหาเศรษฐี” ที่คนจน…อย่างเราๆ ท่านๆ อ่าน ฟัง หรือดูข่าวกันไป ก็ได้แต่คิดอิจฉาในวาสนาที่ไม่เท่ากันของมนุษย์ กับข้อมูลตัวเลขล่าสุด ซึ่งวารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกาศผลการจัดอันดับ “เศรษฐีหุ้นไทย” ปรากฏว่า “เจ้าเก่ารายเดิม” อย่าง…น.พ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ และสายการบินบางกอก แอร์เวย์ ยังคงรักษาตำแหน่ง “แชมป์” ได้อีกปีติดต่อกันเป็นปีที่ 5 โดยถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุด 63,527.30 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 3,717.41 ล้านบาท หรือ 5.53% 

            เศรษฐีหุ้นอันดับ 2 คือ นายพิชญ์ โพธารามิก ทายาทคนเดียวของ นายอดิศัย โพธารามิก ผู้ก่อตั้ง บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ปีก่อนอยู่อันดับ 7 โดยถือหุ้นมูลค่ารวม 44,082.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 24,195.99 ล้านบาท หรือ 121.67%

            อันดับ 3 ได้แก่ นายสมโภชน์ อาหุนัย เจ้าของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) กิจการธุรกิจพลังงาน จำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ก้าวขึ้นมาจากอันดับ 6 เมื่อปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 33,269.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,861.38 ล้านบาท หรือ 48.47%

            อันดับ 4 คือ นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าของกลุ่มพฤกษา เรียลเอสเตท ซึ่งร่วงจากอันดับ 3 เมื่อปีก่อน โดยมีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวม 31,037.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,755.99 ล้านบาท หรือ 6%

            อันดับ 5 คือ นายนิติ โอสถานุเคราะห์ นักลงทุนรายใหญ่ทายาทอาณาจักรโอสถสภา หล่นจากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 28,897.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,750.59 ล้านบาท หรือ 6.45%  

            อันดับ 6 ถึง 10 เรียงกันมา ได้แก่ 6.นายคีรี กาญจนพาสน์ บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ 28,890.44 ล้านบาท ลดลง 458.16 ล้านบาท 7.นายอนันต์ อัศวโภคิน แห่งกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 28,320.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,719.60 ล้านบาท 8.นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ 25,727.70 ล้านบาท รวยขึ้น 11,066.45 ล้านบาท หรือ 75.48%  9.นางดาวนภา เพชรอำไพ 25,380 ล้านบาท รวยขึ้น 12,060 ล้านบาท หรือ 90.54% และ 10.นางธิดา แก้วบุตตา แห่งศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้นมูลค่า 20,404.56 ล้านบาท รวยขึ้น 8,546.12 ล้านบาท หรือ 72.07%  

            นั่นแค่ความรวยส่วนตัว ยังไม่นับรวมกลุ่มตระกูลกลุ่มท็อปไฟว์ “แชมป์รวยหุ้น” ที่ยังเป็นตระกูล “ปราสาททองโอสถ” ที่ครองแชมป์อีกตำแหน่ง โดยถือไว้ 96,299.28 ล้านบาท ลดลง 11,618.82 ล้านบาท หรือ 10.77%

            รองลงมือคือ ตระกูล “จิราธิวัฒน์” ถือครองหุ้นรวมกันทั้งสิ้น 69,737.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,595.82 ล้านบาท หรือ 19.94% อันดับ 3 ได้แก่ ตระกูล “เพ็ชรอำไพ-เพชรอำไพ” ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 51,640.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23,154.07 ล้านบาท หรือ 81.28% ตระกูล “โพธารามิก” ถือหุ้นรวมมูลค่า 44,082.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24,195.99 ล้านบาท หรือ 121.67% และตระกูล “กาญจนพาสน์” ถือครองหุ้น 42,906.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 696.21 ล้านบาท หรือ 1.65%

            รายละเอียดของ “อภิมหาเศรษฐี” กลุ่มนี้ มีให้อ่านในเว็บไซต์ข่าวมากมาย แต่ที่ “ทีมข่าวเศรษฐกิจ” สำนักข่าว ThaiBCC.news อยากชี้ให้เห็นประเด็นสำคัญจากข่าวนี้ ก็คือ…หลายคน หลายตระกูล แม้จะติดอยู่ใน “ผู้นำ-อภิมหาเศรษฐี” แต่พวกเขามีทรัพย์สินรวมกันที่ลดลง!

            ลองคิดดู…นี่ขนาดบ้านเมืองอยู่ในภาวะ “ทหารครองเมือง” หาความเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ และการทำการค้าระหว่างประเทศกับกลุ่มธุรกิจในซีกโลกตะวันตก ยังคงถูกปิดกั้น หรือเปิดได้ไม่เต็มสูบนัก พวกเขายังติดกลุ่มโคตรอภิมหารวย แล้วหากบ้านเมืองไทยกลับเข้าสู่สภาวะปกติ มีความเป็นประชาธิปไตยเมื่อใด?

            ความรวยของพวกเขาจะยิ่งเพิ่มพูนเป็นทวีคูณสักเพียงไหน?

            ประเด็นคือ ความรวยของพวกเขา ยิ่งเพิ่มความห่างและถ่างตัวเองออกไปจากกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ได้มากยิ่งๆ ขึ้นไปอีก ตราบใดที่สังคมไทย…ยังหาความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงโอกาสได้ยากลำบาก โดยเฉพาะกลุ่มคนจน ผู้ใช้แรงงาน มนุษย์เงินเดือน และกลุ่มเกษตรกร ซึ่งเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้

            ขืนปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นและดำรงอยู่ต่อไป ใครจะรู้? อะไรจะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองไทยในวันข้างหน้าบ้าง!!!.

 

“ทีมข่าวเศรษฐกิจ”

สำนักข่าว ThaiBCC.news

 

You may also like

“มนพร”สุดปลื้ม! สนามบินแม่ฮ่องสอน-เลย-น่านนคร คว้ารางวัล”EIA Monitoring Awards 2024″

“มนพร”สุ