เวลา : ตัวการทำลายล้าง
เห็นสถานการณ์บ้านเมืองวันนี้…ให้รู้สึกเห็นใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยิ่งนัก! กับแรงกดดันจากทุกฝ่ายที่ถาโถมเข้าใส่ในทุกทิศทาง เป็นใครก็ต้องออกอาการ “หลุด” อย่างที่ได้เห็นกันในวันประชุม ครม.สัญจร ณ ดินแดนด้ามขวาน ครั้งล่าสุด
ลำพังเพียง “ตัวแทนประมง” พูดเสียงดัง! คงไม่ทำให้คนระดับนี้ เกิดอาการ “หลุด” พอๆ กับกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้า เดินหน้าคัดค้านและยื่นหนังสือถึงผู้นำประเทศ แต่กลับถูกจับกุมคุมขัง จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของวลี “น้ำผึ้งหยดเดียว” ถึงขนาดจะตัดขาดกัน ชนิด “ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ”
แสดงว่าลึกๆ ในใจของ พล.อ.ประยุทธ์ คงจะมีอะไรซ่อนเร้น จาก “ข้อมูลลับ” และ “แรงกดดัน” บางอย่างที่มี กระทั่งรู้สึกกังวลใจและหวาดระแวงไปกับท่าทีของคนใต้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้…พวกเขา ก็คือ แรงสนับสนุนกลุ่มสำคัญ ที่ทำให้มี คสช.ในวันนี้
ในฐานะ “หัวหน้า คสช.” ที่วันนี้…อำนาจทางการทหาร โดยเฉพาะการตัดสินใจภายในกองทัพบก ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยทหารที่ใหญ่และทรงอิทธิพลมากที่สุด ก็ถูกถ่ายโอนไปยัง “ผบ.ทบ.” แล้ว ตรงนี้เอง…ทำให้หลายคนมอง พล.อ.ประยุทธ์ ว่า “เท้าลอย” เพราะอำนาจในมือ “ด้านความมั่นคง” สูญเสียไป
เหลือก็เพียง “มาตรา 44” ที่แม้จะเริ่มหันมาใช้กับงานด้านความมั่นคง “เพิ่มอำนาจ” ให้ตัวเอง แต่ก็ยังมีขีดและพื้นที่จำกัดอยู่ ที่สำคัญทุกครั้งก็การใช้ในอำนาจด้านความมั่นคง ก็จะถูกจับตามองจาก “ผู้ถืออำนาจ-ตัวจริง” อย่างไม่กะพริบตา จึงน่าสนใจว่า…การใช้ “มาตรา 44” กับงานด้านความมั่นคงครั้งต่อไป จะมีแรงต่อต้านอะไรบ้างหรือไม่?
หันมาดู…ในฐานะ “หัวหน้ารัฐบาล” ก็ต้องยอมรับว่า…3 ปีครึ่งของการบริหารประเทศ “รัฐบาล คสช.” ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เน้นการบริหารอำนาจการเมืองและความมั่นคงมากเกินไป จนอาจละเลยผลของปัญหาเศรษฐกิจ ที่ปกติความเป็น “รัฐบาลทหาร” จากการยึดอำนาจเขามานั้น ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากนานาอารยะประเทศ กระทั่งไม่ยอมติดต่อและค้าขายด้วยอยู่แล้ว
ตรงนี้…ก็ทำให้การค้าระหว่างประเทศมีปัญหาตามมามากมาย กระทั่งการจะส่งออกสินค้าไปขายในฝั่งตะวันตกทำได้ลำบาก เมื่อมาเจอการบริหารงานด้านเศรษฐกิจ นับแต่ยุคของ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล จนถึงยุคของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่มุ่งเน้น “อุ้มนายทุน” ซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อย…มากกว่าจะดูแลคนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งก็คือ…กลุ่มเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ผู้ใช้แรงงาน พ่อค้าแม่ขาย และกลุ่มเอสเอ็มอี อย่างจริงๆ จังๆ
ผลของมันจึงเป็นอย่างที่เห็นกัน! ดังนั้น การจะมามุ่งเน้นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โฟกัสในกลุ่ม “คนระดับล่าง” ช่วงโค้งสุดท้ายของ “รัฐบาล คสช.” ก่อนถึงการเลือกตั้งปลายปีหน้า จึงสร้างความกังขาต่อสังคมไทยยิ่งนักว่า…จะทำได้ดีและได้มากแค่ไหนกัน?
ทั้งหลายทั้งปวงนั้น ผมกลับมองเห็นว่า “ตัวการสำคัญ” ที่ค่อยๆ บั่นทอน “รัฐบาล คสช.” และ พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ และ “รัฐบาล คสช.” เองแล้ว ก็คือ…เวลา นั่นเอง
ปกติ…รัฐบาลทหารที่มาจากการยึดอำนาจ มักอยู่ในอำนาจ “บวก/ลบ หนึ่งปี” แต่กับ “รัฐบาล คสช.” ผ่านพ้น 3 ปีครึ่ง และกำลังเข้าสู่ 4 ปีเต็มในวันที่ 22 พ.ค.ปีหน้า หากรอจนถึงวันเลือกตั้งและรักษาการจนกว่าจะตั้งรัฐบาลใหม่กันเสร็จ ก็โน่นเลย…5 ปีเต็มๆ ที่ “รัฐบาล คสช.” ปกครองประเทศ
วันเวลายิ่งเนิ่นนานมากเท่าไหร่? ความเสื่อมก็ยิ่งเริ่มถามหามากเท่านั้น!!!
เวลา…สร้างสรรค์และทำลายล้างได้รุนแรงพอๆ กัน ถึงวันนี้…พล.อ.ประยุทธ์ และ “รัฐบาล คสช.” คงได้เห็นและประจักษ์แล้วว่า…พลังงานแห่งการทำลายล้างของสิ่งที่เรียกว่า “เวลา” นั่น น่ากลัวเพียงใด!.
สุเมธ จันสุตะ
Social Links