ใกล้โค้งเลือกตั้ง แต่ละพรรคจะงัด “ของวิเศษ” ออกมาสู้กันมันแน่??

ใกล้โค้งเลือกตั้ง แต่ละพรรคจะงัด “ของวิเศษ” ออกมาสู้กันมันแน่??

 

ใกล้โค้งเลือกตั้ง แต่ละพรรคจะงัด “ของวิเศษ” ออกมาสู้กันมันแน่??

          แม้ว่าพระราชกฤษฎีกาวันเลือกตั้งจะประกาศในวันที่ 2 มกราคม 2562 ปีหน้า เพื่อให้ทุกพรรคการเมืองปราศรัยหาเสียงพบปะกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนได้เต็มที่ตามกฎกติกาของ กกต.

            แต่ ณ วันนี้มีเพียงการปลดล็อกการเมือง  แต่การเมืองก็ส่งกลิ่นเก่า ๆ ในการโต้กันไปโต้กันมาด้วยเสียดสีเย้ยหยันดีสเครดิตแบบเดิม ๆ กันสนุกปาก

            ท่านผู้ชมผู้ฟังได้ยินวาทะต่าง ๆ ที่ออกมาเชือดเฉือนกันจะชื่นชอบ หรือส่ายหน้าไปมาแบบพัดลม  ก็ต้องรอฟังโพลจากสำนักต่าง ๆ สำรวจความเห็นจากประชาชน

            เสียดายเหลือเกินที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี    ได้ประกาศให้นักการเมืองได้รับรู้กันถ้วนหน้าว่าจะระมัดระวังปากตนเอง ไม่โต้ตอบทางการเมือง

            แต่เชื่อเหอะ  “บิ๊กตู่” จะต้องโดนกระตุกเส้นโมโหให้หลุดปากพูดบางประโยคออกมา จนมีการนำไปขยายความทางการเมืองให้ยุ่งกันเข้าไว้ สมประสงค์ของผู้ยั่วต่อมอารมณ์เสีย

            ณ  วันนี้  พรรคการเมืองต่าง ๆ ได้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองสำคัญ ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ความเคลื่อนไหวตามอิสระเสรีของกฎกติกาของบ้านเมือง 

          ไม่ว่าจะจัดงานเลี้ยงระดมทุนจากประชาชน เจ้าของนักธุรกิจดัง ๆ ที่ชื่นชอบยินดีเต็มใจในการควักเงินบริจาคให้พรรคนั้น ๆ อย่างไม่ผิดตามกฎหมาย

            สำหรับพรรคการเมืองใดที่สามารถระดมทุนได้มากที่สุด   ก่อนวันที่ 2 มกราคม 2562 ที่จะมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาวันเลือกตั้ง ก็คงได้รับทราบกันว่าพรรคการเมืองไหนมีทุนอู้ฟู่ในการสู้ศึกเลือกตั้งมากกว่าใคร

            ที่น่าจับตาดูว่าพรรคไหนจะรวยเงินบริจาคมากกว่าใคร  ระหว่าง พรรคพลังประชารัฐ  พรรครวมพลังประชาชาติไทย   พรรคประชาธิปัตย์  พรรคเพื่อไทยรวมกับพรรคสาขา

            อย่างไรก็ตามสมรภูมิเลือกตั้งครั้งนี้  หลายฝ่ายในบ้านเมืองคาดหวังให้มีการปฏิรูปหาเสียงของพรรคการเมือง  โดยชูนโยบายดี ๆ ของพรรคว่าจะทำไห้แก่ประชาชนและประเทศชาติ

            เพราะประชาชนในยุค 4 จี ที่กินข้าวไม่ได้กินแกลบ  ทันเกมการเมืองไม่อยากฟังนักการเมืองแต่ละฝ่ายใช้น้ำลายพ่นใส่กันด้วยสำนวนเสียดสีตอดนิดตอดหน่อยให้รกรูหู

            ผู้สันทัดกรณีการเมืองเรื่องยุ่ง ๆ วิเคราะห์มาว่า  นโยบายของพรรคการเมืองที่ประกาศชูเด่นเป็นสง่าให้ประชาชนได้รับรู้ว่าเมื่อได้เข้ามาเป็นรัฐบาลจะทำอะไรบ้างนั้น

            เชื่อว่าทุกพรรคจะต้องเน้นย้ำคล้าย ๆ กัน อาทิ การช่วยเหลือคนยากจน  ลดความเหลื่อมล้ำ  แก้ปัญหาเศรษฐกิจฐานราก  แก้ไขรวยกระจุกจนกระจาย

            .ซึ่งทุกพรรคจะงัดกลยุทธออกมาสู้กันถึงพริกถึงขิงแซ่บซาบซ่าแน่นอน!!

             ที่หนีไม่พ้นแน่ ก็คือเรื่อง “ประชานิยม” ที่ยกเลิกไม่ได้ เพราะ “คนจน”ก็ยังมีอยู่คู่กับประเทศตลอดไป

            ดังนั้น  ขอความกรุณาอย่าพูดให้เสียน้ำลายตัวเองว่า “คนจน” จะหมดประเทศ  เพราะยังไง ๆ  ไม่มีความเป็นไปได้ทั้งในชาตินี้หรือชาติหน้า??

อา..คำว่า “ประชานิยม” นี้  รัฐบาล คสช.ของ “บิ๊กตู่”ไม่ชอบ   ก็เลยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “ประชารัฐ”

            รัฐบาลหลังเลือกตั้งแล้ว  ถ้าพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำรัฐบาล  คำว่า “ประชารัฐ” ก็คงใช้เหมือนเดิมให้สอดคล้องกับชื่อพรรค

            อีกทั้งเป็นการหาเสียงของแก่พรรคพลังประชารัฐได้ตลอดเวลาจนกว่าพรรคจะแตกสลายไปตามยุคสมัยของเวลา!?!

            สำหรับพรรคการเมืองที่อยู่คนละขั้วกับ คสช.ที่อาจผงาดขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอย่างคาดไม่ถึง  คำว่า “ประชารัฐ” คงต้องถูกกำจัดทิ้งไป

            แต่ทว่าจะมีคำอื่นมาทดแทนให้เก๋ไก๋กว่าเดิม  เพราะการช่วยประชาชนแบบที่ว่า “ประชานิยม” นั้นก็ต้องหาวิธีการต่าง ๆ ช่วยเหลือเพื่อช่วยเพิ่มคะแนนนิยมจากประชาชนทั่วทั้งแผ่นดิน

            ด้วยเหตุฉะนี้ มาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาช่วยประชาชน  ไม่ว่าจะคนรากหญ้าหรือคนแต่ละระดับอย่างเสมอภาคกัน จึงเป็น “ของวิเศษ” สำหรับพรรคที่เป็นรัฐบาลในวันนี้หรือวันหน้า

            ไชโย “วิเศษนิยม” ของที่นี่ประเทศไทยจงเจริญ!!

                             นายจักรยาน

 

           

 

You may also like

เปิดทิศทางสื่อไทยปี 2568 Niche คอนเทนต์ และอินฟลูเอนเซอร์มาแรง สตรีมมิ่งแข่งเดือด

เปิดทิศท