ไทยปึ๊ก! รับมือส่งครามการค้า

ไทยปึ๊ก! รับมือส่งครามการค้า

  

ไทยปึ๊ก! รับมือส่งครามการค้า

                จากการที่สหรัฐฯ ประกาศเดินหน้ากดดันทางการค้าต่อจีนอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ (6 ก.ค. 2561) ทางการสหรัฐฯ จะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในวงเงินมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะประกาศรายการสินค้าอีก 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติม ขณะที่ จีนเองก็ออกมาประกาศมาตรการตอบโต้ทางการค้าในมูลค่าที่เท่ากัน ส่งผลให้ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งจีนและภูมิภาคอาเซียนตกอยู่ภายใต้ความตึงเครียดของสงครามทางการค้าที่มีแนวโน้มว่าอาจจะยืดเยื้อเกินกว่าสิ้นปี 2561 ประกอบกับเป็นช่วงจังหวะเวลาพร้อมกับที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณเร่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ตลาดการเงินภายในภูมิภาคต้องเผชิญกับความผันผวนของเงินทุนไหลออกอย่างฉับพลัน (External shock) อันส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์และค่าเงินสกุลภูมิภาคทุกสกุลโดยถ้วนหน้า

                อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ความผันผวนของเงินทุนไหลออกในระดับภูมิภาคดังกล่าวไม่ได้เหนือความคาดหมาย ท่ามกลางแนวโน้มขาขึ้นของดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ทว่า จังหวะความผันผวนที่เกิดอย่างฉับพลันและเร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากประเด็นกังวลด้านสงครามการค้าที่เข้ามาเพิ่มเติม ทำให้การบริหารจัดการเสถียรภาพด้านต่างประเทศ (External stability) ควบคู่ไปกับการรักษาแรงส่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจของทางการแต่ละประเทศในภูมิภาคเป็นไปได้ยากขึ้น ทั้งนี้ ประเทศที่มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจด้านต่างประเทศที่เปราะบาง มีแนวโน้มต้องเผชิญกับความผันผวนของเงินทุนไหลออกอย่างต่อเนื่องและรุนแรงมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2561 นี้ ขณะที่ ประเทศที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่นในการรองรับความผันผวนได้ดีกว่า คงสามารถประคองตัวผ่านความผันผวนของเงินทุนไหลออกอย่างฉับพลัน และรักษาช่องว่างเชิงนโยบายการเงินได้อีกสักระยะ ดังนี้

                กลุ่มประเทศที่มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจด้านต่างประเทศที่เปราะบาง คือ อินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งมีการขาดดุลทั้งดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลการคลัง สะท้อนถึงเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาเงินออมจากต่างประเทศในระดับสูง ขณะที่ มาเลเซียแม้ยังเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ทว่า มีสัดส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศต่อหนี้ระยะสั้นในระดับที่วิกฤติ อีกทั้งมีการขาดดุลการคลังและหนี้สาธารณะในระดับที่สูง ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าทุกประเทศในกลุ่มนี้ถือเป็นประเทศแรกๆ ในภูมิภาคที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อป้องกันและสกัดเงินทุนไหลออกในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ทำให้ทางการของประเทศเหล่านี้คงมีเครื่องมือเชิงนโยบายการเงินที่จำกัดมากขึ้นในระยะข้างหน้าสำหรับการรองรับความผันผวนของเงินทุนไหลออก จึงมีความเสี่ยงที่เงินลงทุนเก็งกำไรระยะสั้นที่จะไหลออกอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 2561

                กลุ่มประเทศที่มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจด้านต่างประเทศที่แข็งแกร่ง คือ ไทย ซึ่งมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง มีหนี้ต่างประเทศระยะสั้นต่ำเมื่อเทียบกับทุนสำรองระหว่างประเทศ ทำให้คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีน่าจะเผชิญแรงกดดันจากเงินทุนไหลออกในระดับที่จำกัดมากขึ้น อีกทั้งทางการไทยยังคงมีช่องว่างเชิงนโยบายการเงินจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ทรงตัวในระดับต่ำที่สุดในภูมิภาค ซึ่งปัจจัยพื้นฐานดังกล่าวคงทำให้การบริหารจัดการความผันผวนของเงินทุนไหลออกมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ในส่วนจีนเอง แม้จะมีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดควบคู่ไปกับการขาดดุลการคลัง แต่ด้วยตลาดการเงินท้องถิ่นที่ไม่เชื่อมโยงกับตลาดการเงินโลกมากนัก อีกทั้งทางการจีนมีทรัพยาการทางการเงินและเครื่องมือเชิงนโยบายที่หลากหลาย คงทำให้จีนสามารถประคองตัวผ่านความผันผวนอย่างฉับพลันในครั้งนี้ได้

                กล่าวโดยสรุป ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าความผันผวนของเงินทุนไหลออกอย่างฉับพลันในระดับภูมิภาคที่เกิดขึ้นนี้ เป็นผลกระทบจากปัจจัยภายนอกอันส่งผลต่อทุกๆ ประเทศในภูมิภาค อย่างไรก็ดี เมื่อประเด็นกังวลเริ่มคลี่คลาย แรงกดดันของเงินทุนไหลออกน่าจะขึ้นกับปัจจัยเฉพาะตัวและพื้นฐานทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศมากกว่า สำหรับไทยซึ่งมีเสถียรภาพด้านต่างประเทศที่แข็งแกร่ง คงจะสามารถประคองตัวท่ามกลางความผันผวนนี้ และคงเผชิญกับเงินทุนไหลออกที่จำกัดในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ดี คงต้องคอยติดตามผลกระทบจากสงครามทางการค้า ที่หากยืดเยื้อคงเริ่มมีผลต่อภาคเศรษฐกิจจริงในระยะ 2-4 ปีช้างหน้า กอปรกับวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น คงทำให้ประเด็นกังวลกลับไปสู่ความเสี่ยงด้านเสถียรภายภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีความเปราะบางด้านหนี้ภาคธุรกิจหรือหนี้ภาคครัวเรือน ที่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงเชิงระบบได้ในระยะข้างหน้า

You may also like

ชูเมืองเก่าภูเก็ต-แม่กลองเป็นเมืองนำร่อง สู่ต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยวัฒนธรรมระดับโลก

ชูเมืองเ