ปรากฏการณ์บางจาก!
ตลอดระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์ที่ “โลกโซเชียลมีเดีย”ส่งต่อภาพและข้อความกรณี “ค่ายน้ำมันบางจาก” ร่วมสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญด้วยการประกาศลดราคาน้ำมันเกือบทุกชนิด 1.50 บาท/ลิตร แก่เจ้าของรถยนต์ในเมืองไทย หวังช่วยลดค่าใช้จ่ายเดินทางเข้าร่วมถวายความอาลัยฯ ตลอดทั้งวันของวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา
ค่ายบางจากได้เครดิตไปเต็มๆ เพราะเจ้าของรถเกือบทุกคน…ใจจดใจจ่อเฝ้ารอให้ถึงวันนั้นเร็วๆ
ผมเองพอจะมองเห็นภาพอนาคตล่วงหน้า อุตส่าห์ตื่นกลางดึกเพื่อขับรถไปเติมน้ำมันในปั๊มบางจากในจุดที่ใกล้บ้านที่สุดย่านถนนศรีนครินทร์-อ่อนนุช ในใจคิดว่า…เช้ามาจะได้ไม่ต้องผจญกับปัญหารถติดแหลกลาญบริเวณหน้าปั๊มน้ำมันบางจากอีกแล้ว แต่ผมคิดผิดถนัด!
ทีแรกก็เข้าใจว่าปัญหารถติดทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลในวันนั้น เป็นเพราะประชาชนคนไทยต่างแห่แหนเข้าร่วมพิธีถวายความอาลัยในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งทรงเป็นที่รักยิ่งของพสกนิกรชาวไทย
หลบจากถนนเส้นนั้น เพื่อไปเส้นนี้ ก็ยังเจอสภาพรถติดสาหัสเหมือนเดิม พยายามลัดเลาะเข้าซอยโน้น ออกซอยนี้ หนีไปซอยนั้น ด้วยหวังจะไม่ขับรถผ่านเส้นทางไปวัดหรือสถานที่ที่เปิดให้คนไทยเข้าร่วมพระราชพิธีสำคัญฯ ทว่า…ก็ยังคงต้องผจญกับปัญหารถติดหนาแน่นเช่นเดิม
บอกกับตัวเอง…ในเมื่อหนีไม่พ้นก็คงต้องจำใจขับรถผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้ ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ถึงได้คำตอบที่ว่า…ต้นเหตุของปัญหารถติดจริงๆ นั้น เป็นเพราะเจ้าของรถต่าง “จ่อรอคิว” เข้าเติมน้ำมันที่ปั๊มบางจากนั่นเอง
ของถูก! ใครบ้างไม่ชอบ? ผมเองไม่มีตัวเลขยอดขายน้ำมันของ “ค่ายน้ำมันบางจาก” ในวันนั้น ว่า พวกเขาขายน้ำมันไปทั่วประเทศได้มากน้อยแค่ไหน? รู้แต่ว่า…เจ้าของรถหลายคัน ต้องรอเข้าคิวเก้อ! เพราะน้ำมันถูกขายหมดปั๊มไปก่อนหน้านั้นแล้ว
ปรากฏการณ์ที่ทำรถติดทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงในอีกหลายๆ พื้นที่ของจังหวัดรอบนอกครั้งนี้ ผมขอเรียกเป็น “ปรากฏการณ์บางจาก” เพราะเชื่อว่าอนาคตในไม่ช้า บริษัทน้ำมันค่ายนี้คงได้สร้างปรากฏการณ์ดีๆ ต่อสังคมไทยขึ้นอีกครั้ง!
เพียงแต่ว่าครั้งใหม่ (หากจะมี) อยากให้คณะผู้บริหารของกลุ่มบางจาก มองภาพอนาคตให้ออกกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา โดยใช้ “ปรากฏการณ์บางจาก” ครั้งนี้ เป็นบทเรียน เพื่อหาแนวทางบริหารจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากนโยบายลดราคาน้ำมัน
เป็นไปได้หรือไม่? เปิดโอกาสให้เจ้าของรถที่ถือใบขับขี่ พร้อมหลักฐานการเป็นเจ้าของรถ หรือมีสำเนาทะเบียนรถยนต์และใบมอบฉันทะให้แก่ตัวแทน มาทำการใช้สิทธิซื้อบัตรเติมน้ำมันล่วงหน้า และกลับมาใช้สิทธิเติมน้ำมันในวงเงินและราคาน้ำมันที่ซื้อไว้ในวันหลัง อาจกำหนดช่วงเวลาการจำหน่ายน้ำมัน เฉพาะในช่วง5 วัน 7 วัน ก็ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหารถติดสะสมและต่อเนื่องจนทำให้จราจรกลายเป็นจลาจล เหมือนครั้งที่ผ่านมา
หากจะบอกว่า…มาตรการที่ผมเสนอไปนี้ หรือแนวทางแก้ปัญหาอื่นๆ นั้น ไม่ได้สร้าง “อิมแพ็ค” ต่อ “ค่ายน้ำมันบางจาก” และเกรงว่าสังคมไทยจะไม่รับรู้ถึงแนวทาง “การตลาดเพื่อสังคม” ผมก็ต้องขอบอกตรงๆ ว่า “ปรากฏการณ์บางจาก” เมื่อไม่กี่วันมานี้ ได้สร้างความรู้สึกต่อสังคมไทย ทั้ง “บวกและลบ” ต่อภาพลักษณ์ของ พวกคุณ ในยุคของ คุณชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ควบทั้งเก้าซีอีโอและเอ็มดีใหญ่ มากมายนัก!
ถ้าคิดในแง่ของภาพลักษณ์ล่ะก็ ผมขอแนะนำเลย…ผู้บริหารระดับสูงฯ ทุกคน จะต้อง “ปิดจุดเสี่ยง” ทุกจุด? ชนิด…ความเสี่ยงต่อภาพลักษณ์ “เชิงลบ” ขององค์กร…จะต้องเป็น “ศูนย์” เพียงอย่างเดียว!!!!
ในวันที่ “ค่ายน้ำมันบางจาก” ได้สร้างคลื่นแห่งการรับรู้แก่สังคมไทย ด้วยการประกาศลดราคาน้ำมันทุกชนิดนั้น พวกเขาจะต้องได้ภาพลักษณ์ขององค์กรเป็น “บวก” เท่านั้น! จะเป็น “ลบ” สักเพียงเปอร์เซ็นต์เดียวก็ไม่ได้???
ผู้บริหารคนไหน? “เปิดจุดเสี่ยง” ต่อการทำลายภาพลักษณ์องค์กร ที่อุตส่าห์ทุ่มเงินสร้างภาพ “บวก”มาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี เป็นเงินหลายพันล้านบาทแล้ว
สำหรับผมถือว่า…สอบตก!!!.
คอลัมน์ : สถานียุทธศาสตร์ V.3 /สุเมธ จันสุตะ
Social Links