กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 33.85-34.65 ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ

กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 33.85-34.65 ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ

กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 33.85-34.65 ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.85-34.65 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.12 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 33.83-34.46 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ขณะราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งขึ้น ขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ โดยดัชนีดอลลาร์แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนท่ามกลางแรงกดดันจากการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ อย่างไรก็ดี ข้อมูลท้ายสัปดาห์บ่งชี้ว่าแม้ค่าจ้างชะลอลงในเดือนมี.ค.แต่อัตราการว่างงานของสหรัฐฯลดลงสู่ระดับ 3.5% ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสราว 68% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 25bp สู่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. แต่ตลาดยังคงมุมมองที่ว่าเฟดอาจจะปรับลดดอกเบี้ยหลายครั้งก่อนสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 522 ล้านบาท และ 16,530 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจกับดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมี.ค.ของสหรัฐฯ โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะยังคงอยู่ในระดับที่สูงต่อไป ขณะที่ตลาดจะจับตายอดค้าปลีกเช่นกัน โดยหากนักลงทุนกังวลเรื่องความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯรุนแรงอย่างมีนัยสำคัญจะฉุดรั้งการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ซึ่งในกรณีดังกล่าวอาจจำกัดแรงขายเงินดอลลาร์ได้ นอกจากนี้ คาดว่าการซื้อขายจะเป็นไปอย่างระมัดระวังหลังความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้น อนึ่ง ปริมาณธุรกรรมก่อนวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ของตลาดการเงินในประเทศจะเบาบางลงและอาจเพิ่มความผันผวนหากมีกระแสข่าวใหม่

ส่วนปัจจัยในประเทศ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนมี.ค.ของไทยเพิ่มขึ้น 2.83% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่รวมหมวดอาหารสดและพลังงานเพิ่มขึ้น 1.75% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน โดยก.พาณิชย์คาดว่าเงินเฟ้อในเดือนเม.ย.อาจสูงกว่าเดือนมี.ค.เล็กน้อยจากผลของการหาเสียงเลือกตั้ง แต่จะไม่เกิน 3% และคาดว่าเงินเฟ้อในไตรมาส 2 จะเฉลี่ยไม่ถึง 2.5% ทั้งนี้ เรามองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)อาจคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% ในการประชุมวันที่ 31 พ.ค. แต่เรายอมรับว่ามีความเสี่ยงด้านขาขึ้นอีกเล็กน้อยขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้ารวมถึงการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่

 

You may also like

คปภ.เดินหน้า! เปิดเวทีสัมมนาวิชาการด้านประกันภัย ประจำปี 2567 “Thailand Insurance Symposium 2024”

 นายชูฉั