การค้าเข้ม”สหรัฐ-จีน”ผ่อนคลาย
หลัง“ทรัมป์”ปะหน้า”สี จิ้นผิง”ครั้งแรกในรอบ 6 ปี
ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนผ่อนคลายลง หลังการเจรจาระหว่างทรัมป์ และสี จิ้นผิงที่พบกันครั้งแรกในรอบ 6 ปี ที่ประเทศเกาหลีใต้สิ้นสุดลงพร้อมบรรลุข้อตกลงทางการค้าในหลายประเด็น ดังนี้
ข้อตกลงที่สำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ
- ภาษี Fentanyl จะถูกปรับลดลงอยู่ที่ 10% จากเดิมที่ 20% รวมถึงการยกเว้นภาษีตอบโต้จะถูกระงับเป็นระยะเวลา 1 ปี ส่งผลให้ปัจจุบันภาษีที่สหรัฐฯ เก็บจากสินค้านำเข้าจีนจะอยู่ที่ราว 47.6% (รูปที่ 1) ทั้งนี้ การระงับภาษีดังกล่าวครอบคลุมถึงเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและมาเก๊า
- การสอบสวนของสหรัฐฯ ต่ออุตสาหกรรมเดินเรือของจีนภายใต้มาตรการ 301 จะถูกระงับเป็นระยะเวลา 1 ปี
- กฎหมายใหม่ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่ประกาศเมื่อวันที่ 29 ก.ย.2025 ที่ระบุว่าบริษัทย่อยของจีนที่มีสัดส่วนการถือหุ้นจากบริษัทแม่ที่ถูก Blacklist จากสหรัฐฯ ตั้งแต่ 50% ขึ้นไป จะถูกใช้มาตรการคว่ำบาตรเช่นเดียวกับบริษัทแม่จะถูกระงับไปเป็นระยะเวลา 1 ปี

ข้อตกลงที่สำคัญจากฝั่งจีน
- จีนจะกลับมานำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ทันที แต่ไม่ได้ระบุถึงจำนวนหรือรายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้ จีนได้ทยอยลดการนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ มาตั้งแต่เดือนเม.ย. 2025 และหยุดนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ในเดือนก.ย.2025 ที่ผ่านมา (รูปที่ 2)
- ระบบควบคุมใบอนุญาตการส่งออกแร่หายากที่เข้มงวดขึ้นของจีนที่ประกาศเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2025 จะถูกชะลอการบังคังใช้ออกไปอย่างน้อย 1 ปี โดยปัจจุบันจีนควบคุมการผลิตแร่หายากราว 90% ของทั้งโลก
- มาตรการตอบโต้เรื่องภาษีเรือกับสหรัฐฯ จะถูกระงับเป็นระยะเวลา 1 ปี
4. ประเด็นกิจการ Tiktok ของจีนในสหรัฐฯ ทางการจีนจะร่วมดำเนินการเกี่ยวกับกิจการดังกล่าวกับสหรัฐฯ (แต่ไม่ได้มีรายละเอียดเพิ่มเติม)
หลังการเจรจาตลาดหุ้นจีน (CSI300) ปิดตลาดอยู่ที่ 4,709.91 จุด (30 ต.ค.2025) ลดลง -0.8% จาก 4747.84 จุด ในวันที่ 29 ต.ค.2025 เนื่องจากนักลงทุนมองว่าความไม่แน่นอนทางการค้ายังมีอยู่ หลังการบรรลุข้อตกลงทางการค้าในรอบก่อน (พ.ค.2025) ยังคงมีแรงตึงเครียดทางการค้าอยู่อย่างต่อเนื่อง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนล่าสุดนับเป็นการลดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างกันเพียงชั่วคราว โดยระยะเวลา 1 ปีของการปรับลดภาษี Fentanyl และภาษีตอบโต้ระหว่างกันคาดบรรเทาผลกระทบของภาคธุรกิจได้เพียงบางส่วน ขณะที่ธุรกิจทั้งฝั่งสหรัฐฯ และจีนจะยังคงเตรียมการปรับตัว ย้ายฐานการผลิต รวมถึงขยายตลาดไปประเทศอื่น ๆ นอกจากนี้ สงครามเทคโนโลยีจะเป็นอีกประเด็นที่ยังต้องติดตาม ทั้งนี้ ผลต่อการส่งออก และเศรษฐกิจจีน มีรายละเอียด ดังนี้
– ทิศทางการส่งออกจีนปี 2025 มีแนวโน้มเติบโตดีกว่าคาดการณ์ ทั้งจากการส่งออกของจีนไปประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะอาเซียนที่เพิ่มขึ้นชดเชยการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ลดลง ขณะที่ผลจากการเจรจาการค้าล่าสุดจะช่วยสนับสนุนการส่งออกจีนไปสหรัฐฯ ได้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากอัตราภาษีสินค้านำเข้าที่สหรัฐฯ เก็บจากจีนที่ 47.6% ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับในอดีต
– ขณะที่เศรษฐกิจจีนปี 2025 ยังมีแนวโน้มเติบโตที่ 4.8% ตามคาดการณ์เดิม แม้การส่งออกจะมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าคาด แต่ปัจจัยภายในประเทศ เช่น การใช้จ่าย และการลงทุน ยังมีทิศทางอ่อนแอ ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่จากฝั่งการเงินและการคลังคาดมีจำกัด

THAI
Social Links