การเมืองมี "พลิกล็อก" แต่ "ลุงตู่" ไม่พลิก??
เลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ก็ผ่านพ้นไปแล้วด้วยความสงบเรียบร้อยที่มีอะไรที่เกินคาดแบบพลิกล็อกกันทีเดียว
ไม่น่าเชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะสูญพันธุ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพราะไม่มีผู้สมัคร ส.ส.เขตคนใดได้เป็น ส.ส.แม้แต่คนเดียว
นอกจากนี้ในจังหวัดภาคใต้ที่พรรคประชาธิปัตย์เคยกวาดที่นั่งเกือบยกภาคแทบทุกครั้ง จนมีการแซวกันว่าเอาเสาไฟฟ้าลงแปะยี่ห้อพรรคประชาธิปัตย์ก็จะได้เป็น ส.ส.สมใจนึก
แต่ทว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ คนดังในภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์หลายจังหวัดต้องหลุดร่วงหล่นจากเก้าอี้ ส.ส.อย่างตะลึงตึงตึง
ปรากฏการณ์ดังกล่าว เชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่นึกไม่ฝันจะเกิดขึ้นกับพรรคตนเองให้อับอายขายหน้าไปทั่วแคว้นแผ่นดินไทย
หรือ พรรคอนาคตใหม่ ที่มีการวิเคราะห์ล่วงหน้าว่าอย่างมากก็ได้แค่ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ ส.ส.เขตอาจไม่ได้เลยสักเขต
ความอัศจรรย์ของพลังเสียงผู้ลงคะแนนเสียงที่เทคะแนนให้พรรคอนาคตใหม่ ส่งผลอภินิหารของเสียงประชาชนให้พรรคอนาคตใหม่ได้ ส.ส.เขต และ ส.ส.ปาร์ตีลิสต์ รวมแล้วมาเป็นพรรคที่มีคะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 3 รองลงมาจาก พรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐ
เชื่อได้เลยว่า คนในพรรคอนาคตใหม่ก็อาจตกใจว่า เข้ามาได้ยังไงเยอะแยะมากเกินคาด??
มีเสียงวิเคราะห์เจาะลึกมาว่า เลือกตั้งหนนี้มีคนรุ่นใหม่อายุตั้งแต่ 18-25 ปี ที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงจำนวน 7 ล้านคน อาจพร้อมใจกาบัตรลงคะแนนให้ด้วยความเต็มใจที่อยากเห็นอะไรใหม่ ๆ ทางการเมือง
สำหรับเรื่องที่คาดการณ์เอาไว้แน่ ๆ ก็คือ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ได้น้่งเก้าอี้ "นายกรัฐมนตรี" ต่อไปอีกไม่มีอะไรมาพลิกเก้าอี้ได้
ถึงแม้ว่า พรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอชื่อ "ลุงตู่" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะมีจำนวน ส.ส.อย่างไม่เป็นทางการน้อยกว่า พรรคเพื่อไทย ไม่กี่สิบคะแนน
แต่ทว่า คะแนนเสียงของประชาชนทั่วทั้งประเทศที่เลือก พรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งประเทศ 7 ล้าน 9 แสนกว่าคน มาเป็นอันดับ 1 มากว่า พรรคเพื่อไทยที่ได้คะแนนรวมทั้งหมด 7 ล้าน 4 แสนกว่าเสียง
พรรคพลังประชารัฐ ก็อ้างว่าคนโหวตให้เป็นที่ 1 ย่อมมีสิทธิอันชอบธรรมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มี "ลุง่ตู่" เป็นนัมเบอร์วัน!!
ส่วนพรรคเพื่อไทย อ้างเช่นกันได้ว่า มีจำนวน ส.ส.มากกว่าใครต้องมีสิทธิจัดตั้งรัฐบาลก่อน เพราะเป็นประเพณีวัฒนธรรมของการเมืองตามครรลองที่ชอบธรรม
อ๊ะ อ๊ะ ประเพณีวัฒนธรรมการเมืองดังกล่าวมีการถูกแหกม่านประเพณีหลายครั้ง อย่างเช่น ยุคที่พรรคชาติไทย ได้จำนวน ส.ส.100 คนมากสุดจากการเลือกตั้ง
ก็จำเป็นต้องกลายเป็น "ฝ่ายค้าน" อย่างอดอยากปากแห้ง??
หรือสมัยที่่สภาผู้แทน ฯ โหวตให้ "นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์" ขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแทน "นายสมัคร สุนทรเวช" ที่ตกกระเด็นจากเก้าอี้ เพราะรับจ้างเป็นพิธีกรรายการทำอาหาร!!
เหตุการณ์ในช่วงนั้น บรรดาพรรคการเมืองที่เคยร่วมเป็นรัฐบาลกันมาก่อน ก็แหกค่ายมฤตยูเข้ามาอยู่ซีกของพรรคประชาธิปัตย์
โดยมี "เทพเทือก" สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้กำกับการแสดงแบบลดแหลกแจกแถมกับพรรคที่มาเข้าร่วมรัฐบาลที่มี "พี่่มาก" อภิสิทธื์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดชิงเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกในชีวิต
ด้วยเหตุฉะนี้ พรรคเพื่อไทยที่ได้ ส.ส.มาเป็นที่ 1 คงต้องชวดฉลูขาลเถาะไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ว่าจะมีการประสานเสียงเรียกร้องให้ ส.ว. แต่งตั้ง 250 คนฟังเสียงความต้องการของประชาชนว่าเลือกพรรคไหนมาเป็นอันดับ 1 ก็ตาม!!
ขออนุญาตฟันธงล่วงหน้า ส.ว.ผู้ทรงเกียรติจากการแต่งตั้ง 250 คน อาจให้เหตุผลว่าฟังเสียงประชาชนทั้งประเทศที่ลงคะแนนให้พรรคพลังประชารัฐมาเป็นที่หนึ่งมากกว่าพรรคใด ๆ
จึงเต็มใจยกมือสนับสนุนให้ "ลุงตู่" นั่งเก้าอี้เป็น "นายกรัฐมนตรี" ต่อไปอีกตามคะแนนเสียงป็อบปูล่าโหวตของประชาชน
การเมืองเรื่อง "เขาอยากอยู่ยาว" ก็ได้อยู่ยาวตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและ "ลุงตู่" เอง ด้วยประการฉะนี้แล!!
นายจักรยาน
Social Links