"ขัดตาทัพ"-"เก้าอี้หัก" ไม่มีแน่…แน่นอน??
นายจักรยาน
เดือนพฤษภาคม 2535 เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา ช่วงระหว่างวันที่ 17 พ.ค.-20 พ.ค.นั้น ได้มีสถานการณ์การเมืองที่รุนแรงจนมีประชาชนล้มตายบาดเจ็บจำนวนมาก
นอกจากนี้ก็มีมือมืดก่อเหตุเผาบ้านเผาเมืองและสถานที่ราชการบางแห่งจนวอดวาย
เหตุการณ์ครั้งโน้นที่ทำให้คนไทยต้องเสียเลือดเสียเนื้อชโลมแผ่นดินกรุงเทพมหานคร จึงพร้อมใจกันเรียกว่าเป็น "พฤษภาทมิฬ"!!
เนื่องจากมีม็อบประชาชนจำนวนมากออกมาประท้วงขับไล่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่เสียสละเพื่อชาติลาออกจากเก้าอี้ ผบ.ทบ. มาดำรงตำแห่ง "นายกรัฐนตรี" ที่เป็นบุคคลภายนอก ซึ่งมิใช่มาจาก ส.ส.
ม็อบขับไล่ไม่ต้องการนายก ฯ จากคนนอก ต้องการมาจาก ส.ส.ที่เลือกตั้งมาจากประชาชน
ในที่สุด "บิ๊กสุ" พล.อ.สุจินดา คราประยูร ก็ได้ลาออกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง!!
อา..เรื่องราวการเมืองของไทยที่ผ่าน ๆ มาก็เป็นประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ก็ล้มแล้วลุกคลุกคลานมาตลอดมีการเว้นวรรคประชาธิปไตยในบางช่วงระยะเวลา
ซึ่งในปี 2549 วันที่ 19 กันยายน "บิ๊กบัง" พล.อ.สนธิ บุญยะรัตนกลิน ผบ.ทบ.เวลานี้น ได้ยึดอำนาจชั่วคราวในนามของ คมช. เพื่ออัปเปหิ "เสี่ยแม้ว ทักษิณ ณ โทนี่ คลับเฮ้าส์" กระเด็นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี มิฉะนั้นและก็ไม่มีวิธีอื่นที่จะไล่ได้
จากนั้นอีกปี่เศษก็มีการเลือกตั้งตามปกติด้วยระบบประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ที่รัฐธรรมนูญระบุให้ "นายกรัฐมนตรี" ต้องเป็น ส.ส. ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.เขต หรือ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์
และแล้ว ส.ส.ที่ได้น้่่งเก้าอี้ "นายกรัฐมนตรี" ก็ต้องสะดุดล้มหงายลงอีกในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
โดยฝีมือของ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ขณะนั้น ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองแผ่นดินจาก "น้องปู" น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขินวัตร นายกฯ หญิงคนแรกของประเทศ
ซึ่ง "ลุงตู่" ได้แสดงจริยธรรมของการปฏิวัติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยกล่าวคำว่า "ขอโทษ" ที่จำใจต้องยึดอำนาจในนามของคณะรักษารความสงบแห่งขาติ (คสข.)
นั่นก็คือเรื่องราวทางการเมืองในเดือนพฤษภาคมที่มักจะท่องจำกันว่าคือ "พฤษภาทมิฬ"เพื่อสะกิดใจการเมืองเรื่องยุ่ง ๆ ให้แก่ประชาชน
สำหรับ "พฤษภาคม" ปี 2565 นี้ไม่มีสถานการณ์วุ่นวายจนเลือดตกยางออก แต่เป็นวันเลือกตั้งผู้ว่า กทม. และนายกเมืองพัทยา
เพราะฉะนั้นนับจากนี้เป็นต้นไปเดือนพฤษภาคม จะมีการบันทึกเป็นประว้ติศาสตร์การเมืองไทยว่าคือ "พฤษภาทมิฬ" ในปี 2535 "พฤษภาปฏิว้ติ" ในปี 2557
และ "พฤษภาเลือกตั้งผู้ว่า กทม.และนายกเมืองพัทยา" ในปี 2565!!
ดังนั้นวันที่ 22 พฤษภาคม ปีนี้ ประเทศไทยเราจะได้ผุ้ว่า กทม. และนายกเมืองพัทยา คนใหม่ หลังจากเว้นวรรคการเลือกตั้้งมา 6 ปีกว่า
สถานการณ์การเมืองสนามเล็กจะเป็นใครหน้าไหนมานั่งเก้าอี้ กทม.และเมืองพ้ทยาก็ไม่ทำให้รัฐบาล "เรือเหล็กตู่" สะเทือนสั่นสะเทือนจนไหลจมลงแม่น้ำเจ้าพระยา
แต่ที่สะดุ้งก็คืออายุการนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี 8 ปีของ "ลุงตู่" ที่ "ฝ่ายค้าน" คลั่งแค้นอยากให้เก้าอี้หัก โดยขอใชสิทธิด้วยความสงสัยยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความให้กระจ่่างแจ้งแดงแจ๋ว่า อายุ 8 ปีนั้นนับจากการเป็นนายกฯ จาก คสช.หรือไม่??
ฉะนี้และฉะนั้น ก็มีการพูดถึงนายก ฯ สำรองมานั่งแทน "ลุงตู่" ถ้าโดนวินิจฉัยว่าอายุในเก้าอี้นายก ฯ นั้นรวมกับ คสช.ด้วย
อ๊ะ อ๊ะ ชือของ "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรรณ พี่ใหญ่แห่งคณะ 3 ป. หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็มีการกล่าวขานกันกระหึ่มจากฟากฝั่งรัฐบาลว่า เป็นบุคคลที่เหมาะสมในสถานการณ์ที่จะเป็น "นายก ฯ ขัดตาทัพ"
เพราะ "นายกฯ ขัดตาทัพ" ที่ไม่ได้เป็น ส.ส. ไม่ได้อยู่ในรายขื่อแคนดิเดทของพรรคการเมือง ก็สามารถทะลุเข้ามาเป็นได้ตามที่รัฐธรรมนูญปี 60 เขียนเปิดช่องโหว่ไว้โดยไม่ผิดกติกามารยาท
แต่ช้าแต่ เหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่รู้ว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะอะไร ๆ ทางการเมืองก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
ทว่าที่เกิดขึ้นจริงไปแล้วสำหรับตัว "ลุงป้อม" เอง คือได้เป็น "นายก ฯ ขัดตาทัพ" ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี แทน "ลุงตู่" ที่ต้องเดินทางไปประชุมระหว่างผู้นำขาติอาเซียนกับ "โจ ไบเดน" ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริการะหว่างวันที่ 11-13 พฤษภาคม นี้
ส่วน "ลุงป้อม" จะได้เป็น "นายกฯขัดตาทัพ" จากอุบัติเหตุทางการเมืองเรื่องเก้าอี้ 8 ปีของ "ลุงตู่" หรือไม่นั้น
กูรูทางการเมืองทุกเรื่องเจาะทั้งลึกและลับมาว่า ยังไง ๆ "ลุงตู่" ผ่านปัญหาเก้าอี้ 8 ปีไปได้แน่นอน
ดังนั้น "ลุงป้อม" พี่ใหญ่แห่งคณะ 3 ป.จึงหมดสิทธิ "ขัดตาทัพ" ตามเสียงชเลียร์ของคนในพรรคพลังประชารัฐ
ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพราะว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 ออกแบบมาเพื่อให้ "ลุงตู่" ได้น้่่งเก้าอี้ "นายกรัฐมนตร่ี" โดยเฉพาะ!!
นอกจากนี้ "ลุงตู่" ยังมีสิทธิเป็น "นายกรัฐมนตรี" ต่อไปอีกสมัยหลังจากการเลือกต้้งทั่วประเทศในปีหน้า 2566!!
ทราบแล้วเปลี่ยน!!
Social Links