คปภ.ลงพื้นที่ช่วยเหลือด้านประกันภัย กรณี “รถโดยสารเสียหลักตกข้างทาง” เสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 35 ราย ที่ประจวบคีรีขันธ์

คปภ.ลงพื้นที่ช่วยเหลือด้านประกันภัย กรณี “รถโดยสารเสียหลักตกข้างทาง” เสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 35 ราย ที่ประจวบคีรีขันธ์

คปภ.ลงพื้นที่ช่วยเหลือด้านประกันภัย

กรณี “รถโดยสารเสียหลักตกข้างทาง”

เสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 35 ราย ที่ประจวบคีรีขันธ์

    นายชูฉัตร  ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีรถโดยสารประจำทาง หมายเลขทะเบียน 14-3301 กรุงเทพมหานคร เกิดเหตุเสียหลักตกข้างทาง บริเวณถนนเพชรเกษมฝั่งขาล่องใต้ใกล้อุทยานแห่งชาติหาดวนกร หมู่ 7 ตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นเหตุให้ผู้โดยสารเสียชีวิต จำนวน 14 ราย บาดเจ็บ 35 ราย เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2566 นั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 7 (นครปฐม) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจสอบการทำประกันภัย พร้อมทั้งติดตามรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วนผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งให้ลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม 

ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้ลงพื้นที่ทันทีและจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รถโดยสารประจำทาง หมายเลขทะเบียน 14-3301 กรุงเทพมหานคร มีการทำประกันภัยทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจไว้กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) จึงได้มีการประสานงานการทำงานร่วมกับบริษัท วิริยะฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยการประกันภัยรถภาคบังคับ เริ่มคุ้มครองวันที่ 30 กันยายน 2566 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 30 กันยายน 2567 คุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน กรณีบาดเจ็บค่ารักษาสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน กรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000-500,000 บาทต่อคน กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคน และกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน   และในส่วนการประกันภัยรถภาคสมัครใจ ประเภท 3 เริ่มคุ้มครองวันที่ 30 กันยายน 2566 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 30 กันยายน 2567 โดยกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก จำนวน 1,000,000 บาทต่อคน 10,000,000 บาทต่อครั้ง ความรับผิดต่อทรัพย์สิน 2,000,000 บาทต่อครั้ง สำหรับความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพของผู้ขับขี่จำนวน 100,000 บาท ผู้โดยสาร 46 คน ๆ ละ 100,000 บาทต่อคน และค่ารักษาพยาบาล จำนวน 100,000 บาทต่อคน ประกันตัวผู้ขับขี่ 200,000 บาทต่อครั้ง

สำหรับการติดตามค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ขับขี่รถยนต์ ฐานความผิดขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุทำให้ทรัพย์สินเกิดความเสียหายและทำให้มีผู้เสียชีวิต ซึ่งทายาทโดยธรรมของผู้ประสบอุบัติเหตุที่เสียชีวิต จำนวน 14 ราย จะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากการทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) รายละจำนวน 500,000 บาท และภาคสมัครใจประเภท 3 ความคุ้มครองต่อความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอกโดยเฉลี่ยจ่ายจากจำนวนเงินความคุ้มครอง 10,000,000 บาท สำหรับความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามเอกสารแนบท้ายกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพของผู้โดยสาร รายละจำนวน 100,000 บาทต่อคน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมพบว่าผู้ประสบภัยส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสงขลา โดยในวันที่ 5 ธันวาคม 2566 สำนักงาน คปภ. ภาค 7 (นครปฐม) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ประสานงานสำนักงาน คปภ. จังหวัดสงขลา สำนักงาน คปภ. ภาค 9 (สงขลา) และบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เพื่อรวบรวมเอกสารและอำนวยความสะดวกเพื่อดำเนินการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอย่างรวดเร็วแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บทั้ง 35 ราย ที่ถูกนำส่งเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทับสะแก 22 คน โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ 10 คน และบาดเจ็บเล็กน้อย 3 ราย ออกจากโรงพยาบาลแล้ว สำนักงาน คปภ. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ประสานกับบริษัทประกันภัยเข้าไปอำนวยความสะดวกและรับรองสิทธิค่ารักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลโดยตรง โดยผู้บาดเจ็บไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาแต่อย่างใด 

นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. จะบูรณาการการทำงานร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมว่าผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้มีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ ไว้ด้วยหรือไม่ หากตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ประสบภัยมีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกก็จะช่วยประสานงานให้ได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้

สำนักงาน คปภ.ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ และพร้อมจะดูแลในด้านประกันภัยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลาและกับทุกคน เพื่อความอุ่นใจ ควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย โดยเฉพาะการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) การประกันภัยรถภาคสมัครใจ และการประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านประกันภัย ติดต่อสายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

You may also like

“เมย์แบงก์”พลิกเกม! ชูรูปแบบ“ฟินฟลูเอนเซอร์ทอล์คโชว์”ครั้งแรกในไทย “ติด BUFF การเงิน TALK SHOW”

“เมย์แบง