ครม. ไฟเขียวตั้งคณะกรรมการฯ แก้ไขปัญหาธุรกิจที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ มุ่งสร้างระบบป้องกัน-ปราบปรามอย่างเป็นรูปธรรม

ครม. ไฟเขียวตั้งคณะกรรมการฯ แก้ไขปัญหาธุรกิจที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ มุ่งสร้างระบบป้องกัน-ปราบปรามอย่างเป็นรูปธรรม

ครม. ไฟเขียวตั้งคณะกรรมการฯ

แก้ไขปัญหาธุรกิจที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่

มุ่งสร้างระบบป้องกัน-ปราบปรามอย่างเป็นรูปธรรม

 นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 มีมติเห็นชอบจัดตั้ง “คณะกรรมการบูรณาการการแก้ไขปัญหาธุรกิจที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่” เพื่อเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และแก้ไขปัญหาธุรกิจหลอกลวงอย่างเป็นระบบ

คณะกรรมการฯ ชุดนี้มี 11 คน โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย) เป็นประธาน และมีหัวหน้าหน่วยงานสำคัญร่วมเป็นกรรมการ เช่น อัยการสูงสุด ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการ ปปง. อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า อธิบดี DSI และเลขาธิการ สคบ. ซึ่งทำหน้าที่เลขานุการคณะกรรมการมีหน้าที่เสนอแนวทางเชิงนโยบาย ตลอดจนผลักดันการออกหรือปรับปรุงกฎหมาย เพื่อจัดการกับธุรกิจแชร์ลูกโซ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ แผนการทำงานแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่

1.ระยะสั้น เน้นสร้างระบบเฝ้าระวังและเตือนภัย สร้างกลไกการทำงานร่วมระหว่างหน่วยงานและเปิดช่องทางให้ประชาชนแจ้งเบาะแส

2.ระยะยาว มุ่งลดจำนวนผู้เสียหาย สร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมออนไลน์ และยกระดับภาพลักษณ์ประเทศในสายตานักลงทุนต่างชาติ

นอกจากนี้ ยังวางกลยุทธ์หลักในการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน และยกระดับมาตรฐานธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยตั้งเป้าหมายสำคัญ 5 ด้าน คือ

  1. พัฒนาระบบเฝ้าระวังธุรกิจขายตรงและแชร์ลูกโซ่อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. เพิ่มความรู้แก่ผู้บริโภคให้แยกแยะธุรกิจถูกกฎหมายกับธุรกิจหลอกลวง
  3. สร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจและการลงทุน
  4. สนับสนุนผู้ประกอบการสุจริตให้แข่งขันได้ในระดับสากล
  5. ส่งเสริมความร่วมมือทุกภาคส่วนให้การแก้ไขปัญหายั่งยืน

ทั้งนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับ 5 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน  เพื่อเสริมศักยภาพการบังคับใช้กฎหมาย สืบสวน และติดตามทรัพย์สินจากผู้กระทำผิดได้อย่างรวดเร็ว นางสาวจิราพรฯ ย้ำว่า “การป้องกันล่วงหน้า และการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชน คือหัวใจสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อปกป้องประชาชนจากภัยของธุรกิจที่ไม่สุจริตอย่างแท้จริง

 

You may also like

“คมนาคม”เดินหน้า พัฒนาระบบเชื่อมโยงขนส่งสาธารณะไร้รอยต่อ เขตกรุงเทพ-ปริมณฑล-พร้อมเร่งแก้ปัญหาจราจรเชียงใหม่

“คมนาคม”