จนได้!บาทอ่อนสุดในรอบกว่า 4 ปี ก่อนโงหัวฟื้น ส่วนหุ้นไทยได้แรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารอุ้ม ลุ้น“ประชุม กนง.-ทิศทางการเปิดประเทศ”

จนได้!บาทอ่อนสุดในรอบกว่า 4 ปี ก่อนโงหัวฟื้น ส่วนหุ้นไทยได้แรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารอุ้ม ลุ้น“ประชุม กนง.-ทิศทางการเปิดประเทศ”

จนได้!บาทอ่อนสุดในรอบกว่า 4 ปี ก่อนโงหัวฟื้น

ส่วนหุ้นไทยได้แรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารอุ้ม

ลุ้น“ประชุม กนง.-ทิศทางการเปิดประเทศ”

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

                เงินบาททยอยอ่อนค่าสอดคล้องกับแรงขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงในภาพรวมท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของจีน นอกจากนี้เงินดอลลาร์ฯ ก็ได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของประธานเฟดที่สะท้อนว่า เฟดอาจเริ่มชะลอวงเงินมาตรการ QE ในเร็วๆ นี้ (อาจเป็นเดือนพ.ย.) ขณะที่ dot plot ชุดใหม่ของเฟดบ่งชี้ว่า ดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อาจมีการปรับขึ้นในปีหน้า อย่างไรก็ดีเงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ตามสกุลเงินเอเชียอื่นๆ

                ในวันพฤหัสบดี (23 ก.ย.) เงินบาทอ่อนค่าทดสอบแนว 33.60 ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 4 ปี ก่อนจะกลับมาปิดที่ระดับ 33.25 เทียบกับ 33.22 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (17 ก.ย.)    

                สำหรับสัปดาห์นี้(27 ก.ย.-1 ต.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.00-33.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ สถานการณ์โควิด และรายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนส.ค. ของธปท. ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตเดือนก.ย. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย และ PCE/Core PCE Price Indices เดือนส.ค. จีดีพีไตรมาส 2/64 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามสถานการณ์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์และข้อมูลกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ของจีน รวมถึงดัชนี PMI เดือนก.ย. ของจีน ยูโรโซน และสหรัฐฯ 

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

                หุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,631.15 จุด เพิ่มขึ้น 0.34% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 97,121.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.25% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.24% มาปิดที่ 555.55 จุด 

                หุ้นไทยร่วงลงแรงช่วงต้นสัปดาห์ตามตลาดหุ้นภูมิภาค  ท่ามกลางความกังวลต่อปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ของจีน ก่อนจะปรับตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ตามแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งน่าจะได้รับอานิสงส์หากมีการปรับเกณฑ์คัดหุ้นเข้าดัชนี SET50 และ SET100 ประกอบกับมีข่าวการปรับโครงสร้างธุรกิจของธนาคารรายใหญ่แห่งหนึ่ง นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงหนุนจากแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติช่วงปลายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน   

                สำหรับสัปดาห์นี้ (27 ก.ย.- 1 ต.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,610 และ 1,600 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,645 และ 1,655 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกนง. (29 ก.ย.) ความชัดเจนเกี่ยวกับแผนเปิดประเทศ สถานการณ์โควิด ทิศทางเงินลงทุนจากต่างประเทศ ตลอดจนสถานการณ์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้/รายจ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนี PCE/Core PCE เดือนส.ค. ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย. ตลอดจนจีดีพีไตรมาส 2/64 ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ข้อมูลดัชนี PMI เดือนก.ย.ของจีน ยอดค้าปลีกเดือนส.ค.ของญี่ปุ่น ดัชนีราคาผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนก.ย. ของยูโรโซน ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย.ของญี่ปุ่นและยูโรโซน

You may also like

คปภ.เดินหน้า! เปิดเวทีสัมมนาวิชาการด้านประกันภัย ประจำปี 2567 “Thailand Insurance Symposium 2024”

 นายชูฉั