จับตารัฐมนตรีป้ายแดง สาวแกร่งจากนครพนม สส.เดือน “มนพร เจริญศรี”รมช.คมนาคม

จับตารัฐมนตรีป้ายแดง สาวแกร่งจากนครพนม

สส.เดือน “มนพร เจริญศรี”รมช.คมนาคม

    นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีของชาวนครพนม ที่หญิงแกร่ง“สส.เดือน” มนพร เจริญศรี สส.เขต 2 นครพนม พรรคเพื่อไทย ก้าวขึ้นมานั่งเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง ด้วยตำแหน่ง รมช.คมนาคม จากผู้แทนฯติดดิน แชมป์ สส. 3 สมัย ขึ้นมานั่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกรดเอเช่นนี้ ย่อมไม่ธรรมดาแน่ แถมยังสร้างประวัติศาสตร์เป็นรัฐมนตรีหญิงคนแรกของจังหวัดนครพนมอีกด้วย

หลังจากประกาศพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าแต่งตั้ง คณะรัฐมนตรี เศรษฐา 1 โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 นั้น ยังนับเป็นประวัติศาสตร์ทางการเมือง ของ จ.นครพนม เนื่องจากมีชื่อ ดร.มนพร เจริญศรี หรือ สส.เดือน สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย นั่งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม โดยที่ ดร.เดือน ชื่อที่หลายคนเรียกกัน เปิดเผยว่า ไม่เคยวิ่งเต้นเพื่อรับตำแหน่งนี้ มีแต่ความมุ่งมั่นที่จะทำงานให้กับประชาชน จึงเชื่อกันว่าจากภาระหน้าที่รับใช้ประชาชนมมา 30 ปี น่าจะการันตีถึงความสำเร็จนี้ได้เป็นอย่างดี และในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาหมาดๆนี้ เธอได้คะแนนจากประชาชนอย่างท่วมท้น 39,800 คะแนน ทิ้งห่างอันดับสองร่วม 10,000 คะแนน

ดร.เดือน “มนพร เจริญศรี ปัจจุบันอายุ 57 ปี  จบชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนสุนทรวิจิตร อ.เมือง จ.นครพนม จบชั้นมัธยมศึกษา ที่โรงเรียนนครพนมวิทยาคม อ.เมือง จ.นครพนม วิทยาลัยนานาชาติเซ็นต์เทเรซ่า เลขานุการ กรุงเทพมหานคร

ปริญญาตรี ศิลปศาสตร์บัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงกรุงเทพมหานคร

ปริญญาโท ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กรุงเทพมหานคร

ปริญญาเอก ศิลปศาสตร์ดุษฏีบัญฑิต สาขาสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก กรุงเทพมหานคร

ในขณะที่ประสบการณ์ทางการเมืองนั้นเริ่มที่ดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม เขตอำเภอเมือง 2 สมัย มาตั้งแต่ปี 2537 จากนั้นเป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม 2 สมัย เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม 1 สมัย ครั้นต่อมาในปี 2554 ได้รับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครพนม เขตเลือกตั้งที่ 2 สังกัดพรรคเพื่อไทย แต่เป็น สส.ต่อเนื่องรวม 3 สมัย

ก้าวขึ้นมาเป็น โฆษกคณะกรรมาธิการ การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฏร โฆษกคณะกรรมาธิการ พุทธศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เลขานุการคณะกรรมาธิการ การคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร รองเลขาธิการ พรรคเพื่อไทย เลขานุการ วิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎร ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดนครพนม (กพสจ.)

แล้วล่าสุดนี้ ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครพนม เขตเลือกตั้งที่ 2 พรรคเพื่อไทย พร้อมกับได้รับโปรดเล้าแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

ซึ่ง ดร.มนพร เจริญศรี ก็ออกลุยงานทันทีในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม โดยที่เธอเปิดเผยว่าปัญหาประชาชนรอไม่ได้ เพราะชาวบ้าน ผู้ประกอบการ ด้านการคมนาคม ยังรอรับการแก้ไขปัญหาหลายด้าน

โดยร่วมคณะกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม และพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมแกนนำและ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ พูดคุยรับทราบปัญหา กับตัวแทนผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์รับจ้าง ประมาณ 100 คน ในพื้นที่ กทม. โดยร้องขอให้รัฐบาลช่วยเหลือแก้ไขปัญหาและอุปสรรคการประกอบอาชีพในสถานการณ์ที่ค่าครองชีพและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงสูงกระทบต้นทุนการประกอบอาชีพ ทั้งนี้มีประเด็นสำคัญ ทางผู้ประกอบการรับจ้าง ได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรี รวมถึง รมว.คมนาคมวางแผนการแก้ไขปัญหา คือ ปัญหาหลักเกี่ยวกับต้นทุนราคาน้ำมันแพง พร้อมหาทางลดต้นทุนในอนาคต ด้วยการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงการขอให้สนับสนุนเรื่องสวัสดิการ กลุ่มอาชีพรถจักรยานยนต์รับจ้าง สนับสนุนการกู้ยืมเพื่อการลงทุน การพัฒนาการใช้แอปพลิเคชันเรียกรถ ความปลอดภัยทางท้องถนน ไปจนถือ ทางผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์รับจ้าง ได้เสนอการจัดระเบียบ เกี่ยวกับการป้องกันการข้ามเขตของรถจักรยานยนต์รับจ้าง

นอกจากนี้ ทางนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ รับจ้าง สร้างความปลอดภัยบนท้องถนน การแก้ไขปัญหาที่ผู้ขับขี่ติดเงื่อนไขอายุเกิน 60 ปี อาจแก้ไขได้โดยมีมาตรการตรวจสุขภาพเพื่อให้มั่นใจว่ายังคงทำงานได้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าทางพรรคเพื่อไทย จะสามารถขับเคลื่อนนโยบาย ทุกด้าน อย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทุกอาชีพได้อย่างแน่นอน

พร้อมกันนั้นรัฐมนตรีช่วยคมนาคมป้ายแดงจากนครพนมได้เปิดเผยว่าการได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคมครั้งนี้ ไม่ใช่รางวัล หรือโบนัสสำหรับตนเอง แต่เป็นตำแหน่งที่ตนจะต้องพิสูจน์การทำงาน ต้องทำงานหนักมากขึ้น เพื่อให้คุ้มค่ากับภาษีประชาชน ยืนยันว่าพร้อมที่จะขับเคลื่อนนโยบายพรรคเพื่อไทยให้สำเร็จ ร่วมกับคณะรัฐมนตรี และ สส.ทุกคน เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน สิ่งสำคัญจะต้องก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อให้ประเทศชาติบ้านเมือง เดินไปข้างหน้าในทางที่ดีขึ้นให้จงได้