ชี้เศรษฐกิจไทยโตต่อเนื่อง แนะภาคธุรกิจเรียนรู้รับมือกับยุคดิจิ ทัล
ประธานสมาคม EO Thailand เผยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่องปีนี้จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมเผยมุมมองแนวทางภาคธุรกิจรั บมือกับยุคดิจิทัล ชี้การเรียนรู้ ประยุกต์ใช้ และเปลี่ยนแปลงเป็นแนวทางช่วยให้ อยู่รอดในยุคดิจิทัล ล่าสุด จัดดินเนอร์ทอล์ค ถกหลากหลายแง่มุมของ “บิตคอยน์”
นายปรับชะรันห์ ซิงห์ ทักราล ประธาน EO Thailand เปิดเผยว่า แนวโน้มของเศรษฐกิจไทยในอนาคตอันใกล้นี้จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน ประเทศ (GDP) ที่จะขยายตัวขึ้นด้วย อันเนื่องมาจากการกระตุ้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจะช่วย สนับสนุนภาคการบริโภคซึ่งเป็นอี กปัจจัยที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยโดยรวม ขณะนี้ประเทศไทยกำลังก้าวไปสู่ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคม ที่มั่งคั่ง สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากสถานะ ดังกล่าวก็คือจำนวนประชากรที่ ลดลง ซึ่งปัญหาการลดลงของจำนวนประชาก รและนำไปสู่สังคมผู้สูงวัยนี้ เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ประเทศร่ำ รวยมักจะเผชิญ นอกจากนี้ ภาคธุรกิจการส่งออก และการท่องเที่ยวของไทยก็มีแนวโ น้มที่แข็งแกร่งขึ้นอีกด้วยเช่ นกัน
สำหรับกรณีที่ภาคธุรกิจต่างๆได้ เผชิญกับภาวะการพลิกเปลี่ยนทางด้านดิจิทัล (Digital Disruption) และภาวะเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทั ล (Digital transformation) นั้น นายปรับซะรันห์ได้พูดถึงวิธีการรับมือว่า “ผมคิดว่า บรรดาสุดยอดบริษัทระดับโลกทั้งหลายต่างต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ และจะต้องปรับตัวให้ทันเทคโนโลยี ในทุก ๆ สมัย ดังนั้นผมจึงมองว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็เป็นส่วนหนึ่งของวงจรการเรียนรู้ ประยุกต์ใช้ และเปลี่ยนแปลง ของบริษัท สิ่งที่สำคัญอีกเรื่องก็คือ การเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก จึงทำให้องค์กรขนาดใหญ่จำนวนมาก ไม่สามารถผ่านกระบวนการ ‘ประยุกต์ใช้’ ได้รวดเร็วพอ อย่างไรก็ดี ผมมองว่าสถานการณ์เช่นนี้เป็นโอ กาสที่ดีสำหรับองค์กรขนาดกลางแล ะขนาดเล็ก เนื่องจากองค์กรขนาดนี้มีความคล่ องตัวสูงกว่า แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ คุณจะต้องก้าวทันเทคโนโลยีและจะ ต้องจับตาดูคู่แข่งให้ดี สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของการวา งแผน การรู้จักกลยุทธ์ของตนเอง และความเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปล งที่ต้องอาศัยความคล่องตัวสูง”
ในปีนี้ ทางสมาคม EO Thailand ยังคงดำเนินงานและจัดกิจกรรมในประเทศไทยให้กับสมาชิกอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือกับองค์กร The Entrepreneurs' Organization (EO) จากสหรัฐอเมริกา สำหรับความสำเร็จของดินเนอร์ ทอล์ค ล่าสุด หัวข้อ Bitcoin Talk เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมาโดย EO Thailand นั้น ทางสมาคมฯ เห็นว่า สกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอเร นซี (Cryptocurrency) เป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจมา อย่างต่อเนื่อง จึงได้จัดดินเนอร์ ทอล์ค และเชิญคุณกิตตินนท์ วังพัฒนมงคล ผู้อำนวยการทั่วไป บริษัท ไฮคิวผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด มาเป็นวิทยากร โดยเจาะลึกไปที่ “บิตคอยน์” (Bitcoin) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกของโ ลก
โดยที่คุณกิตตินนท์ มองว่า การทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินดิจิทัลนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของการทำธุร กรรมที่ไม่ต้องอาศัยความเชื่อมั่นหรือการพึ่งพาในบุคคลที่สาม ซึ่งหมายความว่า เราไม่จำเป็นต้องใช้บริการของธน าคาร แต่ก็สามารถโอนเงินให้ผู้อื่นได้ โดยตรงโดยที่ไม่ต้องมีขั้นตอนการตรวจสอบจากธนาคาร ในขณะที่ชื่อและข้อมูลส่วนตัวขอ งเรายังถูกเก็บเป็นความลับ
แต่สกุลเงินดิจิทัลที่คุณกิตติน นท์หยิบยกมาพูดคุยอย่างเป็นกันเองในดินเนอร์ ทอล์ค ของสมาคม EO เจาะลึกไปที่ “บิตคอยน์” (Bitcoin) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกของโ ลก ถามว่า การเป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกนี้มี ความสำคัญอย่างไร การที่บิตคอยน์สามารถก้าวขึ้นมา เป็นเงินดิจิทัลแรกของโลกนั้น ถือว่ามีความสำคัญในแง่ของการสร้ างความน่าเชื่อถือให้กับสกุลเงิ นดิจิทัลหรือคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) เมื่อบิตคอยน์ประสบความสำเร็จกั บการเป็นคริปโตเคอเรนซีเจ้าแรก ก็เหมือนเป็นการประกาศให้โลกรู้ ว่า คริปโตเคอเรนซีเป็นสิ่งที่เกิดขึ้ นได้
บิตคอยน์คืออะไร
บิตคอยน์คือสกุลเงินดิจิทัลที่ถือกำเนิดขึ้นเป็นสกุลเงินแรกเมื่อปี 2552 จากการพัฒนาของผู้ที่ใช้นามแฝงว่ า “ซาโตชิ นากาโมโต้” และบิตคอยน์อาศัยเทคโนโลยีที่เรียกว่าบล็อกเชน (Blockchain)ในการสร้างตัวเองแล ะช่วยให้ธุรกรรมการเงินในสกุ ลเงินดิจิทัลสามารถดำเนินต่ อไปได้ การเข้ามาของสกุลเงินดิจิทัลหลา ยสกุลเงินไว้อย่างน่าสนใจว่า ปัจจุบันเป็นช่วงเวลาของการต่อสู้ กันของระบบเก่าและระบบใหม่ ในการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกิดขึ้นก็ตาม จะต้องมีผู้เสียผลประโยชน์ แต่ในกรณีของสกุลเงินดิจิทัลนั้ น ดูเหมือนผู้ที่เสียผลประโยชน์จะ เป็นทางฝั่งหน่วยงานรัฐบาล เพราะฟังก์ชั่นที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างไร้ระบบจากการเข้ามาของเงินดิจิทัล ส่วนผู้ที่เสียผลประโยชน์ลำดับต่ อมาคือ ธนาคาร เพราะการทำธุรกรรมของประชาชนต่อ ประชาชนสามารถทำได้โดยไม่จำเป็น ต้องเปิดบัญชีธนาคาร บิตคอยน์ในช่วงแรกนั้น มีชื่อเสียมากกว่า เพราะว่าผู้ใช้บิตคอยน์ในช่วงแร กคือกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด และมาเฟีย เนื่องจากการโอนบิตคอยน์ไม่ต้อง ทำผ่านธนาคาร ตอนแรก ๆ ที่มีบิตคอยน์นั้น มีเว็บไซต์ที่ประกาศค่ายาเสพติด แล้วบอกให้โอนบิตคอยน์เข้ามากัน เลยทีเดียว แล้วคนก็กล้าเพราะไม่มีใครรู้ว่ าใครถือกุญแจสาธารณะอะไรอยู่ แม้แต่ทางรัฐบาลเองก็ตาม นี่คือรูปแบบการใช้บิตคอยน์ในช่ วงแรกเริ่ม
สถานการณ์ของบิตคอยน์ในแต่ละประเทศนั้น สกุลเงินดิจิทัลที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาก่อน เมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยเริ่มที่การแข่งขันกันเป็นศูนย์กลางทางการเงินและพยายามหาบริการใหม่ ๆ มาให้บริการของนิวยอร์กและชิคาโก จึงเป็นที่มาของการเปิดตลาดซื้อ ขายล่วงหน้าบิตคอยน์ในสหรัฐ อย่างไรก็ดี ราคาฟิวเจอร์ของบิตคอยน์ก็คือราคาปัจจุบันของบิตคอยน์ อาจจะลดลงจากราคาปัจจุบันไปไม่มากนัก ซึ่งคุณกิตตินนท์ มองว่า ตลาดล่วงหน้าบิตคอยน์แตกต่างไปจ ากตลาดซื้อขายล่วงหน้าประเภทอื่ น ๆ อย่างตลาดซื้อขายล่วงหน้าสัญญาข้าวโพดนั้น สามารถคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาดได้จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อุปสงค์และอุปทาน สภาพภูมิอากาศ ว่าจะส่งผลต่อตลาดอย่างไร แต่ตลาดฟิวเจอร์บิตคอยน์ไม่สามา รถคาดเดาหรือคาดการณ์อะไรได้เลย
ขณะที่จีนเป็นประเทศที่สั่งห้าม ซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลและการทำ Initial Coin Offering (ICO) อย่างสิ้นเชิง เมื่อเดือนที่ผ่านมา พลังงานไฟฟ้าที่ได้มีการใช้ไปกับการขุดบิตคอยน์ในจีนนั้นเทียบเท่ากับใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 3 โรง ส่งผลให้มีการสั่งห้ามขุดบิตคอย น์ เกาหลีใต้เป็นประเทศที่รัฐบาลควบคุมการหมุนเวียนของเงินอย่ างมาก และบิตคอยน์ก็เป็นที่นิยมในเกาห ลีใต้ ราคาบิตคอยน์ในเกาหลีใต้จึงสูงแ ละทำให้ราคาบิตคอยน์ทั่วโลกสูงต ามไปด้วย ส่วนรัสเซียนั้น ประธานาธิบดีปูตินเคยพูดว่า รัสเซียต้องทำบล็อคเชนเป็นของตั วเอง สำหรับประเทศญี่ปุ่น ค่อนข้างจะเป็นประเทศเปิดรับสกุ ลเงินดิจิทัล การซื้อขายคริปโตเคอเรนซีในญี่ปุ่ นสามารถทำได้และมีการเก็บภาษีด้ วย รัฐบาลจึงมีรายได้จากภาษีการซื้ อขายคริปโตเคอเรนซีไปด้วย
ส่วนเวเนซูเอล่าเป็นอีกประเทศที่เปิดตัวเงินดิจิทัลในชื่อ “เปโตร” (Petro) หลังจากที่ประเทศต้องเผชิญกับวิ กฤตเศรษฐกิจและถูกคว่ำบาตร ประธานาธิบดีเวเนซูเอล่าจึงมีแน วคิดในการเปิดตัวคริปโตเคอเรนซี โดยมีทรัพย์สินที่ใช้แบ็คอัพคือ น้ำมัน ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่า
ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทย ล่าสุด ธนาคารกลางแห่งประเทศไทยได้ออกม าขอความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์ ให้เลี่ยงการทำธุรกรรมที่เกี่ ยวกับคริปโตเคอเรนซี
Social Links