ชื่อ “อุ๊งอิ๊ง” มาพร้อมกับการเมืองเข้าสู่ฤดูหนาว??

ชื่อ “อุ๊งอิ๊ง” มาพร้อมกับการเมืองเข้าสู่ฤดูหนาว??

ชื่อ "อุ๊งอิ๊ง" มาพร้อมกับการเมืองเข้าสู่ฤดูหนาว??

นายจักรยาน

                กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศให้ประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศว่า ประเทศไทยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป

                แต่สภาพภูมิศาสตร์ของไทยเราไม่ใช่จะหนาวกันทั้งประเทศตั้งแต่หนืออิสานกลางตะวันออกจรดไปถึงภาตใต้ ทว่าในข้อเท็จจริงอากาศหนาวจะหนาวมากหนาวน้อยในพื้นที่ภาคเหนือภาคอีสานกว่าภาคอื่น ๆ

                ซึ่งก็มิใช่ว่าจะหนาวเย็นกันตลอด 24 ชั่วโมง  โดยลมหนาวที่เป็นอิทธิพลจากความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่เข้ามาปกคลุมตอนบนของประเทศเป็นระยะ ๆ

                เมื่อความกดอากาศสูงหมดแรงลง  ความหนาวเย็นของอากาศก็จะลดลงไปตามลำดับจนถึงขั้นสู่ร้อนปกติ รอจนกว่าความกดอกาศสูงจากประเทศจีนพัดเข้ามาอีกระลอก  อากาศก็จะเริ่มหนาวมาใหม่อีกครั้ง  หมุนเวียนเป็นสภาพปกติของอากาศหนาวในเมืองไทย

            สำหรับสถานการณ์บ้านเมืองไทยของเราตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 จะมีบรรยายกาศ "หนาว" อยู่ 2 ประการ

                ประการแรกก็คือ  การเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว 46 ประเทศเข้ามาท่องเที่ยวให้เบิกบานใจ  เพื่อหวังล้วงเงินในกระเป๋าของนักท่องเที่ยวมาทำให้เศรษฐกิจของประเทศจะได้หมุนไปหมุนมาไม่หยุดชะงัก โดยรัฐบาล "ลุงตู่" ตั้งความหวังว่าจะดันให้ความเจริญเตอบโตเศรษฐกิจของประเทศหรือ จีดีพี เป็นไปตามเป้าที่กำหนดไว้

                ณ วันนี้ไม่มีใครตอบได้ว่าเป้าหมายที่รัฐบาล "ลุงตู่" วางไว้จะสมหวังหรือผิดหวังจากจำนวนนักท่องเที่ยว 46 ชาติ ที่เข้ามาท่องเที่ยวทั่วไทย

                ก็หวังว่าอย่า "ผิดหวัง" เหมือนติดต่อ "ลิซ่า แบล็๋กพิ้งค์" มาเคานดาวนฺ์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่เกาะภูเก็ต??

                ด้วยเหตุฉะนี้ รัฐบาล"ลุงตู่" อย่าประมาทชะล่าใจเป็นอันขาด  จะต้องมีการแก้ไขสถานการณ์เพื่อไปสู่เป้าหมายที่วาดฝันไว้อย่างทันทัทันใด

                โดยเฉพาะจะต้องวางแผนป้องกันไม่ให้ "ไวรัสนรก" ระบาดเถิดเทิงในการเปิดประเทศ  มิฉะนั้นแล้ว "ลุงตู่" โดนถล่มด่าอย่างระเบิดเถิดเทิงแน่  แต่เชื้อไวรัสมหาประลัยไม่มีใครหน้าไหนกล้าด่า  เพราะด่าไปแล้ว "โควิด-19" ก็หน้าหนาไม่รู้สึกอะไร!?!

                ส่วน"ความหนาว" ประการที่ 2 คือเรื่องสถานการณ์การเมือง  เพราะสภาผู้แทนราษฎรได้เปิดประเชุมให้ ส.ส.ท่านผู้ทรงเกียรติ มาลับฝีปากใช้วาทะกรรมในเวทีสัปปายะสภาสถานอันโอ่อ่าหรูแปลกตาที่ฝนตกแล้วน้ำหยดลงมาบนหลังคาในบางจุด

                ความร้อนแรงของ "การเมือง" ในช่วงเปิดสมัยประชุมนี้จะทะลุพิกัดแค่ไหนอย่างไร  เรา ๆ ท่าน ๆ ก็ต้องติดตามชมกันเหมือนหนังละคาซ๊รีย์ด้วยความตื่นเต้นเร้าใจหรืออาจจะหดหูใจก็ได้

                ก่อนหน้านั้น พรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นฝ่ายรัฐบาล  และพรรคเพื่อไทย ที่เป็นฝ่ายค้าน  ได้มีการเคลื่อนไหวภายในพรรคให้ประชาชนที่นิยมและไม่นิยมทั้ง 2 พรรคได้รับทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้น??

                ปรากฏว่าปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐที่ ส.ส.กลุ่มหนึ่งกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหาร เพื่อกดดันให้  ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กระเด้งจากเก้าอี้เลขาฑิการพรรค  ก็ไม่มีอเไรในกอไผ่

                เพราะทุกตำแหน่งภายในพรรคเหมือนเดิมคนเดิม   เนื่องจาก "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ หัวหน้ารรคทุบโต๊ะขอให้เหมือนเดิม

                ประกาศเสียงดังเป็นการภายในและเล็ดลอดมาสู่ภายนอกว่า ถ้าทุกคนภายในภรรคยังทะเลาะไม่เลิก  กูจะหลาออกจากหัวหน้าพรรค!!

                ก็ไม่รู้่ว่า ส.ส.ที่กิน "เกาเหลา" กันของพรรคจะหยุดทะเลาะกันจริงหรือไม่  แต่เชื่อได้เลยว่าจะมีช่าวลือช่าวปล่อยเรื่องใครทะเลาะกันใคร  กลุ่มไหนมีปัญหาเหยียบเท้ากัน ก็จะมีการร่ำลือออกมาเป็นระยๆ ??

                และข่าวการ "เสี้ยม" ให้ "ลุงตู่" แตกสะบั้นกับ "ลุงป้อม" จนกระทั่ง 3 ป.แตกแยกจากกันไปคนละ ป.  ก็จะมีการพูดกันอย่างจริงจัง ท้ัง ๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง!?!

                ฤ่าว่า ทานผู้ทรงเกียรติทุกท่านในพรรคพลังประชารัฐยอมทนมีความสมัคคีกลมเกลียวแบบหลวม ๆ เพื่อให้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้้งครั้งหน้าเป็นพรรคมี ส.ส.เป็นอันดับ 1

                เมื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว  ก็มาทะเลาะอันอีกครั้งในการแก่่งแย่งเชิงเก้ารัฐมนตรีกระทรวงสำคัญ ๆ ให้กลุ่มตนเอง

            เรื่องขัดแย้งกันนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีมีแน่นอน  เชื่อเหอะ!!

                ทางด้าน "พรรคเพื่อไทย" ที่ได้เปลี่ยนต้วห้วหน้าพรรคจาก "เสี่ยสมพงษ์ อมรวิวัฒน์" มาเป็น "นพ.ชลน่าน ศรีนาน" ก็ไม่มีอะไรเซอร์ไพร้ให้ดังตึงตัง หรือมีความหมายต่อสายตาของประชาชนทั่วไป!?!

                เนื่องจาก "เสี่ยแม้ว" โทนี่  ชินวัตร  เพราะได้ส่งลูกสาวคนเล็กสุดเลิฟ "อุ๊งอิ๊ง" แพธารทอง  ชินวัตร   มานั่งเก้าอี้ในตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรคการมีส่่วนร่วมและนวตกรรม

                เหมือนส่งมาให้ช่ำชองกลยุทธทางการเมืองเรื่องยุง ๆ  ให้ซึมซับเข้าสู่หัวสมองเพิ่มมากขึ้นเป็นระยะเวลาปีสองปีจนกว่าจะมีการเลือกตั้้งครั้งหน้า

                จึงเป็นเรื่องไม่ผิดความคาดหมายจากเสียงวิพากษ์วิจาระเลาะลึกเจาะตื้นทันทีทันใดว่า "พ่อแม้ว" ได้ส่่ง "ลูกอุ๊งอิ๊ง" เข้าสู่พรรคเพื่อไทย เพื่อวางตัวให้เป็น "นายกรัฐมนตรีหญิง" คน,ที่ 2 ของประเทศไทย

                ด้วยเหตุฉะนี้และฉะนั้ที่มีการวิเคราะห์เจาะหาความจริงมาว่า "พรรคเพื่อไทย" ก็คือพรรค "เพื่อชินวัตร" นั่นเอง??

                ที่แน่ ๆ ล้านเปอร์เซ็นต็ว่า  "อุ๊งอิ๊ง" จะเป็นรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อชินวัตร..ประทานโทษ..เพื่อไทย  เพื่อเป็นแคนดิเดท "นายกรัฐมนตรี" ของพรรคเพื่อไทย

                ส่วนหัวหน้าพรรคที่มีนามว่า "นพ.ชลน่าน ศรีน่าน" จะอยู่่่ในลำดับที่ 2 ที่่ไม่กล้าหือกล้าฮืออะไรให้เสียเวลา เพราะรู้ดีว่าพรรคนี้ของใคร!?!

                และในอนาคตข้างหน้า "อุ๊งอิ๋ง" จะนั่งเก้าอี้ "หัวหน้าพรรคเพื่อไทย" ตัวจริงเพื่อสืบทอดเก้าอี้ของวงศ์ตระกูลชินวัตร!!

                นับจากวันนี้เป็นต้นไปความหลังครั้งเก่่าในอดีตของ "อุ๊งอิ๊ง" จะถูกขุดออกมาประจานทั้งเรื่องไม่ดีและเรื่้องดีให้ประชาชนได้รับรู้จนท่วมหัว!!

                ไม่ว่า "ฮุ๊งอิ๊ง" เคลื่อนไหวทำอะไรในนามของพรรคหรือส่วนตัว  ก็จะถูกรายงานให้แก่พ่อแม่พี่น้องประชาชนได้รับทราบกันแทบทุกวัน

            ดังนั้นชื่อ "อุ๊งอิ๊ง" จะเป็นชื่อติดตลาดทางการเมืองที่สารพัดสื่อต่าง ๆ และนักการเมืองแต่ละขั้วโฆษณาให้ฟรี ๆ !?!

            โชคดีนะจ๊ะ  "หนูอุ๊งอิ๊ง"!!

You may also like

รัฐบาลไทยช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม บริจาค 3 ล้านบาทแก่องค์การสหประชาชาติ เพื่อสนับสนุนผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่น

รัฐบาลไท