“ดร.พิสิฐ”ขอกระทรวงต่างประเทศ
ทบทวนจำนวนสถานทูตและกงสุลในยุโรป
ในการประชุมของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พรบ. งบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2565 สภาผู้แทนราษฎรร่วมกับปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
. ดร.พิสิฐ เสนอให้ทบทวนจำนวนสำนักงานในยุโรปซึ่งมีถึง 24 แห่งทั้งที่มีการดำเนินนโยบาย single market ทำให้อำนาจรัฐต่าง ๆ ของสมาชิกอียู 27 ประเทศต้องผ่องถ่ายไปให้อียูที่กรุงบรัสเซลส์ เทียบกับที่ไทยมีสถานทูตในอัฟริกาเพียง 7 แห่งแต่ในอัฟริกามีถึง 54 ประเทศหรือ 1 ใน 4 ของโลกและมีประชากรที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นดินแดนที่มีทรัพยากรธรรมชาติและโอกาสทางธุรกิจสำหรับไทยสูงมาก จึงเสนอให้กระทรวงทบทวนนโยบายเพื่อให้มีการใช้เงินงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ
. สำหรับการช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านโดยกระทรวงได้มีการจัดตั้งหน่วยงานระดับกรมขึ้นมาดูแลนั้น ดร.พิสิฐ ให้การสนับสนุน แต่ขอให้พยายามให้ความช่วยเหลือในรูปของการให้ทุนมาเรียนในประเทศไทยหรือจัดหลักสูตรในประเพื่อนบ้าน ดังที่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เคยจัดที่มหาวิทยาลัยย่างกุ้งและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เคยจัดให้ธนาคารแห่งชาติลาว ซึ่งมีผลให้มีบุคคลากรที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศไทยและเมื่อคนเหล่านี้เติบโตในระบบราชการก็จะช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีกับไทยได้ต่อไป
. ดร.พิสิฐ ยังแสดงความเห็นว่า แม้งบของกระทรวงจะถูกตัดลงกว่า 500 ล้านบาท เหลือ 7,618 ล้านบาทหรือน้อยกว่า 0.25% ของวงเงินงบประมาณ แต่เงินที่กระทรวงขาดหายไปคือเงินนอกงบประมาณที่ได้จากค่าวีซ่าหรือออกพาสปอตจากผลของโควิด น่าจะมีจำนวนมากกว่า สำนักงบประมาณจึงควรดูแลให้กระทรวงมีเงินเพื่อการทำหน้าที่ให้เพียงพอ ปลัดกระทรวงให้ข้อมูลว่า กต. ต้องดูแลคนไทยในต่างประเทศ 1.4 ล้านคน
. ดร.พิสิฐ ให้กำลังใจแก่การทำงานของเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะในยามที่มีโควิดระบาด กต. ต้องช่วยดูแลคนไทยในต่างประเทศด้วย เช่น หากจะส่ง PPE ไปให้ลูกหลานที่มีสัญชาติไทยในต่างประเทศจะถูกกีดกันจากกรมการค้าภายใน ซึ่งจะเอื้ออำนวยให้พ่อค้าเท่านั้นที่ส่งออกได้ แต่คนในครอบครัวจะส่งไปให้ลูกหลานไม่ได้ เป็นต้น ทั้งที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์ก็ยืนยันว่าเรามีสินค้าอยู่ภายประเทศอย่างเพียงพอ
Social Links