“ดีพร้อม”ยกระดับแฟชั่นไทย สู่ “Fashion Hero Brand” ดัน Soft Power สร้างแบรนด์ไทยสู่เวทีโลก

“ดีพร้อม”ยกระดับแฟชั่นไทย สู่ “Fashion Hero Brand” ดัน Soft Power สร้างแบรนด์ไทยสู่เวทีโลก

ดีพร้อม”ยกระดับแฟชั่นไทย

สู่ “Fashion Hero Brand”

ดัน Soft Power สร้างแบรนด์ไทยสู่เวทีโลก

 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ “ดีพร้อม” จัดกิจกรรมนำเสนอแผนการพัฒนาแบรนด์และผลิตภัณฑ์ ภายใต้กิจกรรม “การพัฒนาภาพลักษณ์แบรนด์และผลิตภัณฑ์สู่ Fashion Hero Brand” ในกลุ่มอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ“ส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นจากทุนทางวัฒนธรรมไทยสู่สากล (Fashion Identity)” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมีผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการจำนวน 26 กิจการ เข้ารับวุฒิบัตร พร้อมนำเสนอแผนการพัฒนาแบรนด์และผลิตภัณฑ์ ที่ได้รับการอบรมและคำปรึกษาเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญตลอดระยะเวลาโครงการ

นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศทั้งในด้านมูลค่าและการจ้างงาน โดยธุรกิจในอุตสาหกรรมสร้างรายได้ราว 3.9 แสนล้านบาท การส่งออกสินค้าแฟชั่นมีมูลค่ากว่า 2.0 แสนล้านบาท และการจ้างงานราว 7.5 แสนคนในปี 2564 นอกจากนี้ อุตสาหกรรมแฟชั่นยังมีความสำคัญในฐานะที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องหนัง อัญมณีและเครื่องประดับ ค้าปลีก บริการออกแบบ และโฆษณา ซึ่งจุดแข็งที่สำคัญของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย ได้แก่ ผู้ประกอบการไทยมีความสามารถในการแข่งขันสูง ทั้งในด้านการควบคุมการผลิตสินค้า และการบริหารจัดการในกระบวนการผลิต ทำให้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าแฟชั่นให้กับแบรนด์ระดับโลก อีกทั้ง คนรุ่นใหม่ที่มีองค์ความรู้ด้านการออกแบบและสร้างแบรนด์ มีความสนใจเข้าสู่อุตสาหกรรมแฟชั่นมากขึ้นนอกจากนี้ แฟชั่นไทยมีอัตลักษณ์และโดดเด่นไม่เหมือนใคร สามารถผสมผสานวัฒนธรรมและเสน่ห์ของความเป็นไทยเข้ากับเทรนด์แฟชั่นสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะผ้าไหมและผ้าฝ้ายของไทย เป็นผ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามและคุณภาพ มีหลากหลายชนิด สามารถผสมผสาน ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในฐานะหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้เป็นกรรมการและเลขานุการร่วมของ คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และทำหน้าที่เป็น Focal Point ในสาขาแฟชั่น  ได้ดำเนินกิจกรรม เชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม เช่น ผ้าไหม ผ้าฝ้าย และงานหัตถกรรมไทย มาผสมผสานกับการออกแบบและบริหารแบรนด์แบบมืออาชีพ

นางดวงดาว กล่าวต่อว่า กิจกรรมพัฒนาแบรนด์แฟชั่นไทยสู่ “Fashion Hero Brand” เป็นการหนุนผู้ประกอบการเสื้อผ้าไทย ยกระดับสู่ตลาดสากล ภายใต้โครงการ “ส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นจากทุนทางวัฒนธรรมไทยสู่สากล (Fashion Identity)” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน Soft Power ของประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ว่ารัฐบาลจะมุ่งส่งเสริมการยกระดับภูมิปัญญาไทยสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ (Creative Culture) เพื่อผลักดัน Soft Power ให้กลายเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ โดยเฉพาะในด้าน แฟชั่น ผ้าไทย อาหาร ดนตรี มวยไทย และศิลปะการแสดง ผ่านการสนับสนุนจากภาครัฐและการบูรณาการร่วมกับภาคเอกชน โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายไทยให้สามารถพัฒนาแบรนด์และผลิตภัณฑ์ให้มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น ผสมผสานทุนทางวัฒนธรรมไทยเข้ากับนวัตกรรมและดีไซน์ร่วมสมัย เพื่อยกระดับให้สามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติโดยกิจกรรมประกอบด้วยการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ครอบคลุมภาคทฤษฎีและปฏิบัติเป็นระยะเวลา 5 วัน พร้อมด้วยการลงพื้นที่ให้คำปรึกษาเชิงลึก เพื่อพัฒนาแบรนด์แบบเจาะลึก ตรงความต้องการของตลาด

อย่างไรก็ตามจากการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) พบว่า แฟชั่นไทยยังประสบปัญหาในการเข้าถึงตลาดทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากขาดการพัฒนาแบรนด์อย่างเป็นระบบขาดพื้นที่แสดงผลงานและคนไทยยังไม่นิยมใช้แบรนด์แฟชั่นของคนไทยเอง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจึงจัดทำโครงการ    นี้ขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาแบรนด์แฟชั่นที่มีเอกลักษณ์ นำไปสู่การสร้าง “Fashion Hero Brand” ที่แข็งแกร่งทั้งในเชิงภาพลักษณ์และความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของ การผลักดันแบรนด์แฟชั่นไทยรุ่นใหม่ที่มีรากฐานจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ผสมผสานกับการออกแบบร่วมสมัยให้สามารถก้าวสู่เวทีโลกได้อย่างมั่นคง ตอกย้ำบทบาทของประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านแฟชั่นสร้างสรรค์บนพื้นฐาน Soft Power อย่างเป็นรูปธรรม นางดวงดาว กล่าวทิ้งท้าย

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม โทร. 0 2430 6883 กด 4  หรือติดตามความเคลื่อนไหวและข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่ www.diprom.go.th และ www.facebook.com/dipromindustry

You may also like

จาก“หลัง”สู่“ข้อ”… จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ! “S Spine & Nerve” สู่ “S Spine & Joint”  มิติใหม่ รพ.เฉพาะทางครบวงจรที่เข้าใจผู้ป่วยอย่างแท้จริง

จาก“หลัง