ถึงเวลาสวนกลับ? เมื่อยุโรปยังคงต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจาก “รัสเซีย”

ถึงเวลาสวนกลับ? เมื่อยุโรปยังคงต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจาก “รัสเซีย”

ถึงเวลาสวนกลับ? เมื่อยุโรปยังคงต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจาก “รัสเซีย”

ดร.กฤษฎา พรหมเวค

คณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

                ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและการใช้ชีวิตโดยปกติสุขของพลเมืองหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในยุโรปที่พึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย อย่างการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียซึ่งคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของก๊าซทั้งหมดที่ใช้ในยุโรป

                ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas) ถูกนำไปใช้ประโยชน์หลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งพลังงานสำหรับการผลิตไฟฟ้า การทำความร้อน ใช้ในการปรุงอาหาร ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ รวมถึงเป็นวัตถุดิบในการผลิตพลาสติกและสารเคมีอินทรีย์ที่มีความสำคัญทางการค้า ตลอดจนการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยก๊าซธรรมชาติถือเป็นแหล่งพลังงานที่สะอาดกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลและเชื้อเพลิงชีวภาพอื่นๆ

                รัสเซียเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา ในขณะที่อันดับ 3-10 ได้แก่ อิหร่าน กาตาร์ จีน แคนาดา ออสเตรเลีย นอร์เวย์ ซาอุดีอาระเบีย และแอลจีเรีย คิดเป็น 1 ใน 5 ของปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรองทั่วโลก นอกจากนี้รัสเซียยังเป็นประเทศแรกในกลุ่มผู้ส่งออกก๊าซผ่านท่อเป็นหลัก ซึ่งจากการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียพัฒนารุดหน้าอย่างรวดเร็วหลังจากมีการค้นพบแหล่งก๊าซขนาดใหญ่ในสหภาพโซเวียตในทศวรรษ 1950 เป็นต้นมา ซึ่งเปิดโอกาสสำหรับการส่งออกไปยังประเทศต่างๆโดยเฉพาะยุโรป

                ต่อมาในปี ค.ศ. 1989 กระทรวงการผลิตก๊าซของสหภาพโซเวียตได้เปลี่ยนเป็นรัฐวิสาหกิจ ชื่อ Gazprom มีสถานะเป็นบริษัทร่วมทุนสาธารณ และเป็นผู้นำด้านการผลิตก๊าซธรรมชาติทั่วโลก โดยถือครองและผูกขาดการส่งออกก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย เป็นบริษัทที่เป็นแหล่งพลังงาน 40 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการทั้งหมดของยุโรป

                โดยพบว่าในบรรดาประเทศต่างๆ ของยุโรป เยอรมนีนำเข้าก๊าซธรรมชาติราวครึ่งหนึ่งจากรัสเซีย ฝรั่งเศสนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเพียง 1 ใน 4 ของความต้องการใช้งานทั้งหมดในประเทศ โดยแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศสคือนอร์เวย์ คิดเป็นสัดส่วน 35% ขณะที่อิตาลีพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียมากถึงร้อยละ 46 ในขณะที่
สหราชอาณาจักรพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียน้อยมากเพราะมีแหล่งผลิตในประเทศและนำเข้ามาจากนอร์เวย์และกาตาร์ เป็นส่วนใหญ่ ส่วนสเปนก็ไม่ได้เป็นลูกค้ารายใหญ่ของรัสเซีย เพราะนำเข้าจากแอลจีเรียและสหรัฐอเมริกา
ตรงกันข้ามกับประเทศเล็กๆ ในยุโรปบางประเทศที่ต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย 100% เช่น มาซิโดเนียเหนือ บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และมอลโดวา ส่วนที่ฟินแลนด์และลัตเวียก็พึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเกินกว่าร้อยละ 90ส่วนเซอร์เบียก็ต้องนำเข้าจากเพื่อนบ้านอย่างรัสเซียมากถึงร้อยละ 89 เช่นกัน

                ซึ่งส่วนใหญ่แล้วรัสเซียจะส่งก๊าซธรรมชาติมายังยุโรปโดยทางท่อส่งก๊าซยูเรนกอย – อูจโกรอด (Уренгой — Помары — Ужгород :  Urengoy–Pomary–Uzhhorod pipeline) เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายท่อส่งก๊าซของยูเครน สามารถส่งก๊าซได้ปีละกว่า 100,000 ล้านลูกบาศก์เมตรแต่ภายหลังจากที่รัสเซียผนวกไครเมียของยูเครนและเกิดเหตุความไม่สงบจากกลุ่มผู้สนับสนุนรัสเซียทางตะวันออกของยูเครน รัสเซียจึงลดปริมาณการส่งก๊าซจากยูเครนไปยังยุโรปผ่านท่อส่งก๊าซส้นทางนี้เหลือ 53 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน อีกเส้นทางหนึ่งที่มีความสำคัญคือท่อส่งก๊าซยามาล – ยุโรป (Ямал — Европа: Yamal–Europe pipeline) ส่งก๊าซได้ปีละ 33,000 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 15 ของความต้องการก๊าซธรรมชาติของยุโรปที่มาจากรัสเซีย โดยรัสเซียได้ยุติการส่งก๊าซจากรัสเซียตะวันตกไปยังเยอรมนี ผ่านทางท่อส่งยามาล-ยุโรป ไปแล้วอย่างไม่มีกำหนดตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม ปี ค.ศ. 2022 ที่ผ่านมา ยังคงเหลือเส้นทางท่อส่งก๊าซนอร์ด สตรีม 1 ที่เป็นท่อส่งก๊าซที่มีเส้นทางผ่านใต้ทะเลบอลติกไปยังเยอรมนี สามารถส่งก๊าซได้ปีละ 55,000 ลูกบาศก์เมตร

                ทั้งนี้นายดมิตรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียระบุเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ปี พ.ศ. 2565 ว่ารัสเซียจะหยุดส่งก๊าซให้แก่บรรดาประเทศที่มีชื่ออยู่ในบัญชี “ชาติที่ไม่เป็นมิตร” ของรัสเซียที่ไม่ยอมจ่ายเงินค่าก๊าซธรรมชาติเป็นรูเบิลโดยกล่าวอย่างชัดเจนว่า “รัสเซียไม่ใช่องค์กรการกุศลที่จะส่งก๊าซธรรมชาติให้ชาติยุโรปใช้ฟรี ๆ ถ้าไม่จ่าย ก็ไม่มีก๊าซ” เป็นการตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรในยุโรป ซึ่งหากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ตัดสินใจปิดท่อก๊าซ Nord Stream 1 เพื่อตอบโต้ชาติตะวันตกจริง แม้สหรัฐฯบอกจะเอาน้ำมัน เอาก๊าซมาช่วยยุโรป แต่ก็คงไม่สามารถสู้กับของรัสเซียที่ส่งมาทางท่อและมีราคาถูกกว่ามากได้ ความเคลื่อนไหวใดๆ ในการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมพลังงานของรัสเซียจะส่งผลอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจรัสเซียรวมทั้งของโลก

                ผลกระทบที่จะตามมาคือ อัตราเงินเฟ้อกระฉูดจากที่พุ่งสูงอยู่แล้วเนื่องจากต้นทุนสินค้าจะเพิ่มขึ้น ประชาชนยุโรปจะต้องเผชิญความยากลำบากจากความหนาวหนักขึ้น และผู้นำยุโรปทั้งหลายต้องดิ้นรนหาแหล่งก๊าซและน้ำมันจากที่อื่นซึ่งก็มีสหรัฐและกลุ่มตะวันออกกลางซึ่งต้องแลกด้วยราคาแพงกว่าที่เคยได้รับจากรัสเซีย สิ่งที่จะเกิดขึ้นในท้ายที่สุดคือชาติยุโรปทั้งหลายก็จะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจรุนแรงตามมา และอาจจะลามเป็นโดมิโนไปทั่วโลกได้

 

 

 

 

You may also like

โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีโชว์ฟอร์มเต็มร้อย ยืนหยัดต้นทุนต่ำสุด หนุนค่าไฟถูก สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน

โรงไฟฟ้า