นักการเมืองควรฉีดวัคซีนป้องกัน"โควิด-19" ลำดับแรกก่อนประชาชน ดีหรือไม่??
นายจักรยาน
เริ่มปี พ.ศ.2564 ซึ่งเป็นปี "โค" ผ่านพ้นมาแล้วครึ่งเดือนแรกของปี เจ้าเชื้อนรก "โควิด-19" มิได้ถูก "โค" ชวิดออกไปให้พันในปีโค แต่ "โควิด-19" ยังคงขวิดผู้คนชาวโลกในปี "โค"บานทะโร่ไม่หยุด
ซึ่งขณะนี้ตามรายงานจากข่าวว่ามีผู้ติดเชื้อ "เชื้อไวรัสหฤโหด" ถึงกว่า 94 ล้านคนไปแล้วทั่วโลก คาดว่่าอีกไม่กี่เดือนคงทุบสถิติ 100 ล้านคนอย่างไม่ต้องสงสัยให้เสียเวลา
แม้ว่า "วัคซีน" ป้องกัน "โควิด-19" จากประเทศต่าง ๆ ไม่ว่า อังกฤษ จีน รัสเซีย เป็นต้นจะเริ่มฉีดให้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่าง ๆ ในแต่ละประเทศแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องรอดูว่าจะสำฤทธิ์ผลหรือไม่ โดยเฉพาะผลข้างเคียงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับบางคน
สำหรับประสิทธิผลของ "วัคซีน" ของประเทศจีน อังกฤษ หรือรัสเซีย นั้นซึ่งข่าวบอกว่า มีประสิทธิผลประมาณ 60 ถึง 90 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ยังไม่มี "วัคซีน" ยี่ห้อไหน 100 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตามมีการเปิดเผยว่า บริษัทจอห์นสันแอนจอห์สัน ได้ซุ่มเงียบผลิตวัคซีนป้องกัน "โควิด-19" ได้ประกาศว่าจะมีประสิทธิ
ผลเต็มร้อย แต่ก็ไม่มีข่าวแจ้งให้ทราบได้นำวัคซีน 100 % ไปฉีดให้แก่ประชาชนประเทศไหนเป็นที่แรก
เรา ๆ ท่าน ๆ ก็คงต้องรอติดตามกันต่อไปได้ผล 100 % จริงหรือหลอก??
สำหรับ "วัคซีน" ป้องกันเชื้อมหาภัยในขณะนี้ ต้องฉีด 2 เช็ม ฉีดเข้มแรกแล้วต้องรออีกอย่างน้อย 4 สัปดาห์จึงจะครบสูตรในการป้องกัน
มีผู้วิเคราะห์เล่น ๆ ที่ไม่มีวิชาการทางแพทย์ยืนยันว่า "วัคซีน" ของแต่ละประเทศที่นำมาฉีดให้ชาวโลก ณ เวลานี้แต่ละเข็มมีผลไม่ถึง 100 % อย่างมากแค่ 90 % กว่า อย่างต่ำ 60-70 % เท่านั้น
แต่เมื่อฉีด 2 เข็ม การป้องกันก็ย่อมเกิน 100!?!
สาเหตุที่ แต่ละประเทศที่เร่งรีบผลิตวัคซีกป้องกัน เขื้อมฤตยูเขมือบโลกตัวนี้ ก็เพราะต้องการนำมาฉีดป้องกันมนุษยชาวโลกเอาไว้ก่อน มิให้ผู้ที่ได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้รับอันตรายจนถึงแก่ชีวาวาย
ดังเช่นที่ นพ.ยง ภู่สุวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ลงในเฟซบุ้กส่วนตัว ดังนี้
จากข้อมูลการศึกษาที่ผ่านมา ประสิทธิผลของวัคซีน จะออกมาในรูปของการป้องกัน ลดความรุนแรงของโรค ลดอาการของโรคไม่ให้ต้งนอนโรงพยาบาล หรือ ถ้าเป็นก็ให้มีอาการน้อยที่สุด
การศึกษาที่ผ่านมาส่วนใหญ่ ยังไม่ได้ศึกษาถึงการป้องกันการติดโรค หรือการป้องกันการติดแบบไม่มีอาการ ดังนั้นการให้วัคซีนขณะนี้ จึงมุ่งเน้นลดความรุนแรงของโรค
การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ โควิด-19 ในปัจจุบันยังไม่สมบูรณ์ และเสร็จสิ้น เพราะต้องการเอามาใช้ก่อน ต้องการข้อมูลเฉพาะเรื่องมาก่อน รายละเอียดทั้งหมดคงต้องรอการวิเคราะห์ และศึกษาเพิ่มเติมในระยะยาวต่อไป
เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ก็จะมีข้อมูลใหม่ ๆ ออกมา เมื่อมีข้อมูลใหม่ออกมา กลยุทธในการฉีดวัคซีน อาจเปลี่ยนไปก็ได้ เช่นในกลุ่ม ติดโรคได้ง่าย วัยแรงงาน แล้วเอาไปแพร่กระจายให้ผู้อื่น
ดังนั้นในปัจจุบันนี้จากข้อมูลปัจจุบัน กลุ่มที่ควรได้รับวัคซีนจึงยังเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรครุนแรงมากกว่าที่จะให้กลุ่มที่กระจายเชื้อได้ง่าย เช่นในวัยหนุ่มสาว วัยแรงงานที่แข็งแรง
อ่านข้อเขียนของ นพ.ยง แล้ว ก็หวังว่่าสาธุชนจะได้เข้าใจตรงกันนะ อย่าได้เชื่อ ข่าวปลอม ข่าวบิดเบือน ที่เกรียนคีย์บอร์ดสนุกในการเขียนปล่อยข่าวทางโซเซียลมีเดียให้คนไทยตื่นตระหนกต๊กกะใจ!!
ถึงแม้ว่าโลก่จะมีวัคซีนฉีดป้องกัน "เขื่้อนรกแตก" ระหัส 19 ตัวนี้ให้มนุษย์โลกได้ห่างไกลจาก "โควิด-19"ภายในสิ้นปี 2564 ได้ แต่เจ้าเขื้อมหาวายร้ายก็ยังสิงสถิติอยู่ในโลกนี้นิรันดร์กาล ไม่ได้สูญหายมลายไปจากโลกแต่ประการใด
เพราะฉะนั้น มนุษย์โลกาภิวัตน์ยุคนีอย่าได้ประมาท การ์ดไม่ตกตลอดเวลาที่ยังมีลมหายใจอยู่!!
สำหรับวัคซีนจากจีนจะส่งมาให้ประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เป็นปฐมฤกษ์ในการฉีดป้องกันให้กลุุ่มเสี่ยงต่าง ๆ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขกำลังดำเนินการจัดคิวคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงไปฉีดวัคซีนได้ที่ไหนบ้าง
ก็ต้องรอดูการดำเนินการว่าจะสามารถฉีดวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยงเรียบร้อยดีไม่มีปัญหาหรือไม่ ถ้ามีเสียงโวยวายไม่ได้รับความสะดวกในการหาสถาน่ที่ฉีดที่ไหนก็เกิดความวุ่นวายโกลาหลแน่??
ทางด้านประเทศต่าง ๆ ที่เริ่มทำการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนแล้วในขณะนี้ ผู้นำของประเทศจะฉีดเป็นเข้มแรกโชว์ให้ประชาชนประเทศของตนเองเกิดความมั่นใจ
ส่วนที่นี่ประเทศไทย "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ประกาศว่า ตนจะฉีดวัคซีนประเดิมเป็นเข็มแรกในเดือนกุมภาพันธ์ นี้ เพียงแต่ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข "นายอนุทิน ชาญวีระกุล" ประกาศว่าจะฉีดเป็นแข้มแรก เพื่อสร้างความมั่นใจของแก่ประชาขนคนไทย
เชื้อไวรัสมหาประลัยทำลายโลกยุคนี้ ทำให้คนไทยต่างหวาดผวาใจไม่ดีไปตามๆ กันว่าตนเองจะโชคร้ายติดเชื้่อหรือไม่ เพราะมีการระบาดซ้ำสอง ระบาดรอบใหม่วันละหลายร้อยคน จากเดิมเมื่อสิ้นปี 2563 มีผู้ติดเชื้่อสะสมเพียง 4 พันกว่าคน
แต่พอเริ่มศักราชใหม่มาจนวันนี้มีผู้ติดเชื้อในไทยทะลุกว่าหมื่นคนแล้ว!!
ซึ่งทำให้ประชาชนคนทั้งประเทศอยากจะฉีดวัคซีนป้องกันเร็ว ๆ แตทว่า "ลุงตู่" ได้บอกว่าที่วัคซีนมาล็อตแรก 2 ล้านโดสจากจีนในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะฉีดให้กลุ่มเสี่ยงเป็นอันดับแรกก่อน พอถึงเดือนมิถุนายน 2564 วัคซีนที่สั่งซื้อจากประเทศอังกฤษก็จะส่งเข้ามาอีก 26 ล้านโดส และได้สั่งซื้อเพิ่มมาอีก 36 ล้านโดสที่จะส่งเข้ามาเวลาไล่เลี่ยกัน
ดังนั้นกลางปีนี้ คนไทยทั้งประเทศจะได้รับการฉีดวัคซีนถึง 32 แล้วคน ส่่วนที่เหลืออีก 30 กว่าล้านคน "ลุงตู่" ยืนยันว่าจะสั่งซื้อวัคซีนจากหลายประเทศเข้ามา เพื่อให้คนไทยทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนฟรีกันทุกคนก่อนสิ้นปี
ส่วนนักการเมืองที่นี่ประเทศไทยอันเป็นตัวแทนของประชาชนยังไม่รู้ว่าจะได้รับการฉีดก่อนประชาชนหรือไม่ แต่ก็คาดกันว่าคงต้องถูกจัดลำดับว่าใครจะได่้รับการฉีดก่อนหรือฉีดหลังตามกฎกติกาว่า ส.ส.ที่สูงวัยอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคร้ายแรงประจำตัว ได้รับการฉีดก่อน บรรดา ส.ส.ที่ไม่มีโรคประจำต้ว แต่มีโรคปากกล้าเท่านั้น!!
แต่ถ้าถามประชาชนว่าอยากให้นักการเมืองได้รับการฉีดวัคซีนก่อนประชาชนหรือไม่ คิดว่าคงมีคำตอบดังเช่นที่มีการเผยแพร่ตามโซเซียลมีเดียให้อ่านกันครบถ้วนทุกคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขออนุญาตนำมาฉายซ้ำอีกที ถ้าจำไม่ผิด มีข้อความแบบนี้ว่า "นักการเมืองควรได้รับการฉีดวัคซีนเป็นอันดับแรก ถ้าฉีดแล้วปลอดภัย ประชาชนปลอดภัย ถ้าฉีดแล้วไม่ปลอดภัย ประเทศชาติปลอดภัย"
แสดงว่าพี่น้องประชาชนรักนักการเมืองจริง ๆ ฮ่า ฮ่า ห้า!!
Social Links