นักวิชาการแม่โจ้แนะ เร่งกำจัด “หมอคางดำ” นักล่าอาณาจักรแห่งลุ่มน้ำ ก่อนปลาไทยสูญพันธุ์

นักวิชาการแม่โจ้แนะ เร่งกำจัด “หมอคางดำ” นักล่าอาณาจักรแห่งลุ่มน้ำ ก่อนปลาไทยสูญพันธุ์

นักวิชาการแม่โจ้แนะ

เร่งกำจัด “หมอคางดำ” นักล่าอาณาจักรแห่งลุ่มน้ำ

ก่อนปลาไทยสูญพันธุ์

  ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาปลาหมอคางทำแพร่ระบาดในแหล่งน้ำพื้นที่ต่างๆ เป็นวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งพื้นที่เกษตรกรผู้เลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง รวมถึงพื้นที่แม่น้ำ ลำคลอง ปากแม่น้ำต่างๆ ตั้งแต่แถบจังหวัดสมุทรสงคราม สมุทรสาคร สมุทรปราการ  คืบคลานลงใต้มาเรื่อย ๆ จนถึงจังหวัดสงขลา เหมือนกองทัพปีศาจที่คืบคลานแบบไม่สิ้นสุด และหากเรายังนิ่งนอนใจ คาดว่าปลาหมอคางคำจะยึดเต็มพื้นที่แม่น้ำในประเทศไทย สร้างความเสียหายให้กับภาคการเกษตร ภาคเศรษฐกิจ ระบบนิเวศ และทรัพยากร อย่างมหาศาล

รศ.ดร.อภินันท์  สุวรรณรักษ์  อาจารย์คณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ให้ข้อมูลว่า  “ปลาหมอคางดำ ยังมีสัญชาตญานดิบของสัตว์ป่าที่เป็นนักล่า ปรับสภาพอยู่ได้ในทุกสภาพน้ำจืด น้ำกร่อย น้ำเค็ม น้ำเน่า แพร่พันธุ์เร็วมาก เกิดง่ายตายยาก ได้รุกคืบแย่งชิงพื้นที่ปลาท้องถิ่นด้วยพฤติกรรมการรวมฝูงเมื่อมีสมาชิกเพิ่มขึ้น การรุกรานก็เริ่มจากการกิน กินทุกอย่าง กินทั้งวัน ในพื้นที่ ๆ มีความอุดมสมบูรณ์ก็กินอาหารของอาหารสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ เมื่อกินแล้วก็สร้างอาณาจักรปิดกั้นการเข้ามาของปลาชนิดอื่น ทำให้ปลาอื่นต้องถอยร่นออกไปจากพื้นที่ แล้วมันก็ยังรุกต่อไป จากชายฝั่ง ปากแม่น้ำ รุกเข้าปากคลอง รุกคืบลึกเข้าไปในแผ่นดิน จนปลาน้ำกร่อยไม่มีที่อยู่หนีหายไป ส่วนปลาน้ำจืดก็ต้องถอยลึกเข้าไปอีก “ปลาหมอคางดำ”ก็เพิ่มจำนวนประชากรเป็นทวีคูณจนเต็มพื้นที่ หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เราจะไม่มีทรัพยากรทางน้ำของปลาหลงเหลืออยู่  หรือแม้แต่ปลาไทย ปลาท้องถิ่นก็จะสูญพันธุ์ในที่สุด ด้วยการเป็นปลานักล่าขนาดเล็กของปลาหมอคางดำ นอกจากการรวมกลุ่มกันเพื่อประสิทธิภาพของการล่า ยังสร้างตัวเองให้ดูใหญ่ เปลี่ยนสีสันให้เข้มข้นจนดูน่ากลัว เช่น สีน้ำเงินเข้ม ข่มขู่ปลาที่มีขนาดเล็กกว่า เพื่อสร้างความน่าเกรงขามและเพิ่มประสิทธิภาพการล่าได้มากขึ้น

ดังนั้นในระยะเร่งด่วนนี้ จึงต้องเร่งกำจัดโดยใช้วิธีใดก็ได้ เช่น หว่านแห  อวนรุน (มีข้อจำกัดทำได้เฉพาะกลางแม่น้ำ) หรือแม้กระทั่งไฟฟ้าช็อต (แต่ต้องให้กรมประมงอนุญาต) ต้องเอาออกจากพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ทำทุกวิถีทางที่จะนำปลาหมอคางดำไปใช้ประโยชน์ และที่สำคัญต้องเพิ่มจำนวนปลานักล่าในธรรมชาติให้เยอะ ๆ ให้เพียงพอกับการลงล่าเหยื่อ  โดยบริเวณปากแม่น้ำ น้ำกร่อย  ให้เพิ่มจำพวก ปลากดทะเล  ปลาริวกิว ปลาเก๋า ปลากดหัวผาน ปลาดุกทะเล ปลากะพง เป็นต้น  ส่วนในแม่น้ำลำคลองที่เป็นน้ำจืด เพิ่มกลุ่มปลาชะโด  ปลาช่อน  ปลาหมอ เป็นต้น  แต่ควรเป็นปลาในระยะตัวเต็มวัย ที่สามารถหากินเองได้แล้ว เพราะปลานักล่าธรรมชาติเหล่านี้ สามารถหากินไข่ปลา ลูกปลา และกล้าบุกเข้าหากินปลาที่มีพฤติกรรมรวมฝูงของปลาหมอคางดำได้  ช่วยให้ธรรมชาติปรับสมดุลธรรมชาติตามที่ควรจะเป็น และเมื่อสามารถจัดการปลาหมอคางดำไปหมดแล้ว  ก็ยังคงเหลือจำนวนปลาไทยนักล่าในแหล่งน้ำ หากเป็นปลาใหญ่ก็เป็นหน้าที่ของพวกเราช่วยกันกินและนำมาใช้ประโยชน์ ประกอบกับพวกเขาวางไข่แค่ปีละครั้ง ก็ทำให้ประชากรถูกควบคุมโดยอัตโนมัติที่สัมพันธ์กับปลาไทยเหยื่อ  เป็นโครงสร้างประชากรของปลาที่เหมาะสมในแต่ละลุ่มน้ำ แต่ละช่วงของแม่น้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ธรรมชาติควบคุมกันมาหลายล้านปีจนสามารถดูแลกันเองได้ อยู่ในระบบนิเวศที่เหมาะ ปลาท้องถิ่นก็จะกลับมา

สำหรับเกษตรกรที่กำลังประสบปัญหา ในช่วงแรกอาจจำเป็นต้องเพิ่มต้นทุนในการทรีตน้ำเตรียมบ่อ ฆ่าเชื้อ โดยใช้ด่างทับทิม กากชา (กำจัดได้เฉพาะตัวโต ส่วนตัวเล็กอดทนมากกว่า) คลอรีน ฟอร์มาลีน  เพิ่มระบบกรองน้ำด้วยผ้า เพื่อให้มั่นใจที่สุดว่าจะไม่มีการเล็ดลอดของไข่ปลาหมอคางดำ”

รศ.ดร.อภินันท์  ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า  “เพราะเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมทางน้ำกันอย่างจริงจัง มีทั้งทำลายต้นน้ำลำธาร เปลี่ยนทางน้ำ สร้างสิ่งกีดขวาง ขยะ น้ำเสีย มลพิษ พลาสติก ปล่อยสัตว์น้ำที่ไม่ควรปล่อยลงแหล่งน้ำ ทำให้สูญเสียระบบนิเวศ ปลาท้องถิ่นตามธรรมชาติลดจำนวนลง  วันนี้น่าจะถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องมาให้ความสำคัญ ถึงเวลาที่ทุกภาคส่วนต้องมาตระหนักรู้ถึงความรับผิดชอบต่อตนเองและสิ่งแวดล้อม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงและโดยอ้อมต้องมาร่วมมือกันบริหารจัดการเชิงระบบ สร้างความตระหนักในทรัพยากร ใช้วิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสในการร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง

ในส่วนของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้มีโครงการศึกษาความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ วิถีชีวิต ความมั่นคงทางอาหารและการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาระบบนิเวศทางน้ำลุ่มน้ำยม เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ หวงแหน ใช้ประโยชน์ สร้างคุณค่าปลาไทยในท้องถิ่น  โดยมีเป้าหมายว่าจะขยายผลโครงการให้ครอบคลุมทุกลุ่มน้ำในประเทศไทย เพราะเมื่อปลาไทยเจ้าถิ่นมีจำนวนมากพอ ก็เป็นเหมือนด่านหน้าที่จะป้องกันสกัดกั้นไม่ให้ปลาต่างถิ่นรุกล้ำเข้ามาจนเกิดปัญหาเหมือนเช่นปลาหมอคางดำในตอนนี้”

 

 

 

 

 

You may also like

คปภ.เดินหน้า! เปิดเวทีสัมมนาวิชาการด้านประกันภัย ประจำปี 2567 “Thailand Insurance Symposium 2024”

 นายชูฉั