บาททยอยอ่อน- หุ้นไทยย่อตัวเล็กๆ
ลุ้นการกระจายวัคซีนโควิด-สัมพันธ์สหรัฐ/จีน
สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
เงินบาททยอยอ่อนค่าในช่วงปลายสัปดาห์ โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ตามทิศทางสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ประกอบกับมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากสัญญาณซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดีเงินบาทลดช่วงบวกลง และทยอยอ่อนค่ากลับมาในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ อาทิ ข้อมูล PMI และตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ค. กระตุ้นความกังวลของตลาดเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และหนุนให้บอนด์ยีลสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์ฯ ปรับตัวขึ้น
ในวันศุกร์ (4 มิ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 31.26 เทียบกับระดับ 31.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (28 พ.ค.)
สำหรับสัปดาห์นี้ (7-11 มิ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.15-31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์และแผนการกระจายวัคซีนต้านโควิด 19 ในประเทศ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย อัตราเงินเฟ้อ (CPI) เดือนพ.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย. (เบื้องต้น) ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนเม.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางแคนาดาและธนาคารกลางยุโรป ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/64 (final) ของญี่ปุ่นและยูโรโซน ตลอดจนตัวเลขเศรษฐกิจเดือนพ.ค.ของจีน อาทิ การส่งออก ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวน
สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย
หุ้นไทยปิดสูงกว่าสัปดาห์ก่อน แต่ช่วงบวกเริ่มจำกัดช่วงปลายสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,611.53 จุด เพิ่มขึ้น 1.87% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 100,913.11 ล้านบาท ลดลง 8.78% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 3.63% มาปิดที่ 497.61 จุด
หุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางแรงหนุนจากความหวังในการเร่งฉีดวัคซีนในประเทศ รวมถึงมาตรการเพิ่มเติมจากภาครัฐเพื่อลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด 19 ซึ่งกระตุ้นแรงซื้อหุ้นหลายกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มพลังงานที่มีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันโลก อย่างไรก็ดีหุ้นไทยลดช่วงบวกลงเล็กน้อยในเวลาต่อมาตามแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ รวมถึงสัญญาณระมัดระวังของนักลงทุนระหว่างรอติดตามประเด็นการกระจายวัคซีนในประเทศอย่างใกล้ชิด
สำหรับสัปดาห์นี้(7-11 มิ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,600 และ 1,590 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,625 และ 1,635 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด 19 ตลอดจนการควบคุมสถานการณ์การระบาดและการกระจายวัคซีนโควิด 19 ในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน หลังสหรัฐฯ มีคำสั่งห้ามลงทุนในบริษัทจีนเพิ่มเติม ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศเดือนเม.ย. รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/64 ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ค. ของจีน
Social Links