บาทแกว่ง หุ้นปิดต่ำทะลุ 1,400 จุด
จับตา ทิศทางลงทุนต่างชาติ รายงานศก.การเงินเดือน มค.แบงก์ชาติ
สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
เงินบาทแกว่งตัวเป็นกรอบ ก่อนจะกลับมาอ่อนค่าลงปลายสัปดาห์ โดยอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย หลังตัวเลขจีดีพีไทยปี 2566 เติบโตเพียง 1.9% และสภาพัฒน์ฯ ได้มีการปรับทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ลงมาที่กรอบ 2.2-3.2% อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกแข็งค่าหลุดระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงกลางสัปดาห์ตามทิศทางของเงินหยวน ประกอบกับน่าจะมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก และแรงซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของต่างชาติ
เงินบาทอ่อนค่ากลับไปอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ตามภาพรวมของสกุลเงินในภูมิภาค ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวแข็งค่ากลับมาตามบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่ขยับขึ้นจากการคาดการณ์ว่า เฟดจะไม่รีบลดดอกเบี้ยในรอบการประชุมใกล้ๆ นี้
ในวันศุกร์ที่ 23 ก.พ. 2567 (ก่อนช่วงตลาดนิวยอร์ก) เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 36.07 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 36.02 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (16 ก.พ. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 19-23 ก.พ. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 8,948 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 4,753 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 4,755 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 2 ล้านบาท)
- สัปดาห์นี้(26 ก.พ.-1 มี.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 35.70-36.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินลงทุนต่างชาติ รายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือน ม.ค. ของธปท. และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย รายได้/การใช้จ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Indices เดือนม.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตเดือนก.พ. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 (ครั้งที่ 2) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของยูโรโซน รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนม.ค. ของจีน ญี่ปุ่น และยูโรโซนด้วยเช่นกัน
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น ตามแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ หุ้นไทยปรับตัวลงช่วงต้นสัปดาห์หลังตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 ขยายตัวเพียง 1.7% YoY (ทั้งปี 2566 ขยายตัว 1.9%) ประกอบกับมีแรงขายหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากผิดหวังเรื่องผลประกอบการไตรมาส 4/66 อย่างไรก็ดีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ตามแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มแบงก์จากข่าวการประกาศจ่ายเงินปันผลของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง นอกจากนี้การที่ ตลท. เตรียมออกมาตรการการกำกับดูแลการขายชอร์ต (short selling) และการใช้คอมพิวเตอร์ส่งคำสั่งซื้อขาย (program trading) รวมถึงมาตรการเพิ่มการเปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณชน ก็เป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติมที่ช่วยหนุนให้หุ้นไทยปรับตัวขึ้นผ่านระดับ 1,400 จุดได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ดีหุ้นไทยย่อตัวลงหลุดระดับ 1,400 จุดในช่วงปลายสัปดาห์ เพราะแม้จะมีปัจจัยบวกจากตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนม.ค. ที่ออกมาดีกว่าที่คาด แต่ก็มีแรงขายทำกำไรในหุ้นบิ๊กแคป โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์และไฟแนนซ์ซึ่งดีดตัวขึ้นแรงก่อนหน้านี้
ในวันศุกร์ที่ 23 ก.พ. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,398.14 จุด เพิ่มขึ้น 0.86% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 47,395.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.34% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.84% มาปิดที่ระดับ 421.72 จุด
- สัปดาห์นี้(26 ก.พ.-1 มี.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,385 และ 1,375 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,410 และ 1,420 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Indices เดือนม.ค. ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตเดือนก.พ. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.พ. ของญี่ปุ่น จีน ยูโรโซนและอังกฤษ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. ของญี่ปุ่น รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.พ. ของยูโรโซน
Social Links