บิ๊กเช่าซื้อ TK โชว์ครึ่งปีรายได้ 985.5 ล้าน
กำไรเหนาะๆ 252.7 ล้าน
กำเงินสด 2,100 ล้าน รุกขยายธุรกิจ
บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย รายงานผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2565 กำไรสุทธิ 252.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.0% จาก 215.9 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา รายได้รวม 985.5 ล้านบาท ลดลง 5.1% มีพอร์ตลูกหนี้รวม 4,405.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.6% จาก 3,949.4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 คาดปี 2565 เศรษฐกิจในประเทศขยายตัว 2.7 – 3.5% ซึ่งเติบโตกว่าปีที่ผ่านมา การอนุมัติเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้น 3 ไตรมาสติดต่อกัน และอีกหลายปัจจัยบวก เศรษฐกิจไทยและส่งออกขยายตัวได้ดี ท่องเที่ยวเริ่มฟื้น สินค้าเกษตรราคาสูง คือ 4 ปัจจัยสำคัญส่งผลดีต่อคุณภาพลูกหนี้ แต่ TK ยังคงนโยบายระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อเพื่อคุมคุณภาพลูกหนี้ และเติบโตแบบยั่งยืน ประกาศปรับเป้าสอดรับเศรษฐกิจ พอร์ตสินเชื่อโต 20% ในปี 2565 เนื่องจากหนี้ครัวเรือนและเงินเฟ้อสูงเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งรายได้ประชาชนเพิ่มขึ้นน้อย และดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงปรับตัวสูงขึ้น พร้อมกำเงินสดกว่าสองพันล้านบาท สำหรับขยายพอร์ตยาวกว่า 12-18 เดือนจากนี้ได้โดยไม่มีต้นทุนจากการกู้เงินในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติงบการเงินสำหรับรอบบัญชีสิ้นสุด 30 มิถุนายน 2565 บริษัทฯ มีรายได้ครึ่งแรกของปี 2565 รวม 985.5 ล้านบาท ลดลง 5.1% จาก 1,038.3 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 252.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.0% จาก 215.9 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนช่วงเวลาเดียวกัน มีลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้เงินให้กู้ยืมสุทธิรวม 4,405.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.6% จาก 3,949.4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี2564 โดยในไตรมาส 2/2565 มีกำไรสุทธิ 117.5 ล้านบาท ลดลง 0.7% จาก 118.4 ล้านบาท รายได้รวม 492.2 ล้านบาท ลดลง 1.5% จาก 499.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน
เศรษฐกิจในประเทศภาพรวมปี 2565 นี้ มีทั้งปัจจัยบวกที่จะช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น พร้อมมีคาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ 2.7 – 3.5% นับเป็นอัตราเติบโตที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา ในขณะที่ยังคงมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต้านการเติบโตดังกล่าว โดยเฉพาะ 4 ปัจจัยหลักที่ส่งผลกับคุณภาพลูกหนี้เช่าซื้อ คือ หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เงินเฟ้อทำให้รายจ่ายสูงขึ้นมากโดยเฉพาะคนรายได้น้อยที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นกับค่าอาหารและค่าเดินทางจากค่าน้ำมันที่ราคาแพงขึ้น รายได้ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่ารายจ่าย และดอกเบี้ยที่กำลังจะปรับตัวขึ้นส่งผลโดยตรงกับเงินกู้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยคงที่ จากการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดเช่าซื้อดังกล่าว บริษัทฯ ปรับเป้าขยายพอร์ตเป็นเติบโต 20% ภายในสิ้นปี 2565 นี้
นายประพล พรประภา กรรมการและรองผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK กล่าวเสริมว่า เศรษฐกิจในประเทศยังมีปัจจัยบวกที่จะส่งผลดีกับการขยายพอร์ตสินเชื่อในปี 2565 นี้ ทั้งจาก GDP ที่กลับมาเติบโตเพิ่มขึ้น ไตรมาสที่ 1/2565 เติบโต 2.2% การส่งออกขยายตัวได้ดีและคาดว่าจะมีการขยายตัว 8% เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เฉพาะครึ่งแรกของปี 2565 มูลค่าการส่งออกเติบโต 23.1% หรือ 4.9 ล้านล้านบาท การท่องเที่ยวในประเทศเริ่มฟื้น โดยการท่องเที่ยงแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าปี 2565 จะมีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 1.2 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ สินค้าเกษตร ปีนี้ผลผลิตมีราคาดี และตลาดรถจักรยานยนต์เติบโตต่อเนื่อง ทั้งมีการอนุมัติเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้น 3 ไตรมาสติดต่อกัน จึงมั่นใจได้ว่าพอร์ตเช่าชื้อ TK จะยังคงเติบโตตามเป้า
ตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย มียอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ไตรมาส 2 ปี 2565 จำนวน 460,977คัน เพิ่มขึ้น 5.3% จาก 437,826 คัน จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ครึ่งปีแรก ปี 2565 จำนวน 910,716 คัน เพิ่มขึ้น 4.2% จาก 874,041 คัน จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา หลังจากที่มียอดจำหน่ายลดลง 3 ปีต่อเนื่อง และเริ่มมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในปีก่อน ส่วนยอดจำหน่ายรถยนต์ ไตรมาส 2 ปี 2565 จำนวน 196,114 คัน เพิ่มขึ้น 9.5.% จาก 179,054 คัน จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยอดจำหน่ายรถยนต์ครึ่งปีแรก ปี 2565 จำนวน 427,303. คัน เพิ่มขึ้น 14.5% จาก 373,191 คัน จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา หลังจากที่มียอดจำหน่ายลดลง 3 ปีต่อเนื่อง
“การขยายพอร์ตเช่าซื้อให้เติบโตเป็นเป้าหมายของเรา แต่กลยุทธ์ในการขยายพอร์ตดังกล่าวจะต้องมีความยั่งยืน ดังนั้นการติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะปัจจัยภายนอกที่เราไม่สามารถควบคุมได้ และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจให้สอดรับจึงเป็นเรื่องที่ TK ให้ความสำคัญ การขยายพอร์ตตามแผนของเราจะมาจากธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั้งในประเทศและจากต่างประเทศซึ่งเป็นรายได้หลัก นอกจากนี้ จะมาจากธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ หรือ นาโนไฟแนนซ์ ซึ่งปัจจุบันให้บริการกับลูกค้าปัจจุบันของ TK เป็นหลัก และเรากำลังเตรียมความพร้อมในการให้บริการสินเชื่อใหม่ที่ บริษัท ทีเค เงินทันใจ จำกัด บริษัทย่อย ที่ได้รับใบอนุญาตเพิ่มเติมให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ คือ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ และสินเชื่อส่วนบุคคล เป็นต้น โดยเราวางแผนที่จะเริ่มให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเร็ว ๆ นี้” นายประพลกล่าว
อนึ่ง ณ ไตรมาส 2 ปี 2565 TK มีสำรองลูกหนี้จำนวน 322.2 ล้านบาท โดยมีลูกหนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือน ที่ 5.8% และมี Coverage Ratio ที่ 118.0% ซึ่งเปรียบเทียบกับ ณ สิ้นปี 2564 ที่มีสำรองลูกหนี้ จำนวน 371.6 ล้านบาท ลูกหนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือน ที่ 7.1% และมี Coverage Ratio ที่ 120.5.% ณ ไตรมาส 2 ปี 2565 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 6,967.6 ล้านบาท ลดลง 0.2% จาก 6,979.0 ล้านบาท และมีหนี้สินรวม 1,288.5 ล้านบาท ลดลง 2.5% จาก 1,322.0 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ สิ้นปี 2564 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งนี้ D/E ณ ไตรมาส 2/2565 อยู่ที่ 0.23 เท่า เท่ากับสิ้นปี 2564 โดยมีเงินสด 2,105.0 ล้านบาท สำหรับใช้ขยายพอร์ตเช่าซื้อและสินเชื่อโดยไม่มีต้นทุนทางการเงิน ให้เติบโต 20% ตามแผนได้อย่างน้อย 12-18 เดือน
Social Links