“บุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า”สุดอันตราย! คนสูบเสี่ยงติดโควิดมากขึ้นกว่า 2 เท่า

“บุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า”สุดอันตราย! คนสูบเสี่ยงติดโควิดมากขึ้นกว่า 2 เท่า

“บุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า”สุดอันตราย!

คนสูบเสี่ยงติดโควิดมากขึ้นกว่า 2 เท่า

             สสส.จับมือมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะและภาคีรณรงค์ลด ละ เลิกบุหรี่ ประชุมผู้แทนสื่อมวลชน สื่อสารช่วงโควิด19 ระบาด หมอประกิต ย้ำมหันตภัยบุหรี่ไฟฟ้าคือการเสพนิโคติน ด้านเลขาธิการเครือข่ายวิชาชีพแพทยร์ะบุคนสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าเสี่ยงติดโควิด19 กว่า 2 เท่า พบผู้ติดโควิดเสี่ยงเสียชีวิต เป็นอัมพฤกษ์เสี่ยงเกิดโรคแทรกซ้อนกว่าคนปกติ 14 เท่า สื่อหนุนใช้วิกฤติเป็นโอกาสเร่งสื่อสารสังคมลด ละ เลิก สร้างมาตรการองคก์ รจูงใจเลิกบุหรี่

            สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ(มสส.)และภาคีรณรงค์ลด ละ เลิกบุหรี่ จัดประชุมโฟกัสกรุ๊ปสานพลังสื่อมวลชนไทยลดปัจจัยเสี่ยง สร้ำงวิถีสุขภาวะเรื่อง”รู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้า ท้าทายการแพร่ระบาดโควิด-19 ผ่านระบบออนไลน์กับผู้แทนสื่อมวลชน หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุและสื่อออนไลน์เมื่อเวลา 9.30 น.วันที่ 28 พฤษภาคม 2564เพื่อให้ข้อมูลและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ที่ยังคงรุนแรงอยู่และการสูบบุหรี่ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการเสียชีวิต มีศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และรศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญเลขาธิการเครือข่ายวิชาชีพแพทย์ ในการควบคุมการบริโภคยาสูบเป็นวิทยากร นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ สื่อมวลชนอาวุโส อดีตกรรมการ สสส.เป็นผู้ดำเนินรายการ

            ศ. นพ.ประกิตกล่าวว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นมหันตภัยสิ่งเสพติดใหม่สำหรับเยาวชนไทยที่แพร่หลายอยู่ในขณะนี้คือชนิดน้ำที่นำสารนิโคติน สารเสพติดที่สกัดจากใบยาสูบมาผสมกับสารเคมีเพื่อปรุงแต่งกลิ่นรสและสารที่เป็นตัวละลายกลายเป็นน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ำนำมาใส่อุปกรณ์ใช้ความร้อนจากแบตเตอรี่ทำให้น้ำยาระเหยเป็นละอองไอสูบผ่านทางเดินหายใจเข้ำสู่ปอด ส่วนอีกชนิดหนึ่งเป็นการนำใบยาสูบมาบดเป็นผงผสมกับสารเคมีนำไปอัดเป็นบุหรี่มวนเล็กนำไปเสียบกับอุปกรณ์ที่ใช้ความร้อนจากแบตเตอรี่เกิดเป็นไอสูดเข้าปอด ทั้งบุหรี่ไฟฟ้าชนิดน้ำและใช้ความร้อนมีอันตรายต่อปอดและสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาวคือการเสพติดนิโคติน

            สำหรับผลกระทบของการสูบบุหรี่ไฟฟ้า อันดับแรกคือต่อตัวผู้สูบบุหรี่อยู่แล้วหันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทน พบว่าจะเลิกบุหรี่ธรรมดาได้น้อยกว่าการเลิกสูบบุหรี่ด้วยวิธีการอื่นๆที่มีอยู่แล้วและส่วนใหญ่จะกลายเป็นคนที่สูบทั้งบุหรี่ธรรมดำและบุหรี่ไฟฟ้าในที่สุด ผลต่อคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่นเมื่อสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงที่จะเปลี่ยนไปสูบบุหรี่ธรรมดาสูงกว่าวัยรุ่นที่ไม่ได้สูบบุหรี่ไฟฟ้ำ 2-3เท่า ส่วนผลของไอระเหยมือสองต่อคนที่ไม่สูบบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดการระคายเคืองของทางเดินหายใจในคนที่เป็นโรคหืดหรือโรคภูมิแพ้ ซึ่งองค์กรวิชาการระบบทางเดินหายใจระดับนานาชาติ สหพันธ์องค์กรต่อต้านวัณโรคและปอดมีความเห็นว่าทั้งตัวผลิตภัณฑ์และการตลาดของบุหรี่ไฟฟ้าพุ่งเป้าไปที่เยาวชนและบุหรี่ไฟฟ้ามีผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าผลดีอย่ำงแน่นอน

            รศ.นพ.สุทัศน์กล่าวว่าในช่วงที่โควิด19 กำลังระบาดรุนแรงนี้การเลิกสูบบุหรี่จะช่วยให้ทุกคนปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด 19 มากยิ่งขึ้น ภูมิคุ้มกันที่เคยย่ำแย่จะเริ่มฟื้นตัว ลดความเสี่ยงในการรับเชื้อไวรัสจากฝอยละอองที่เกิดจากการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า คนที่ยังสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้กำลังเอาชีวิตของตนเองไปแขวนอยู่บนเส้นด้ายโดยไม่จำเป็น ถ้าไม่ตายจากการติดเชื้อ ก็อาจพิการจากผลแทรกซ้อนของการติดเชื้อ ที่เกิดได้กับทุกระบบสำคัญของร่างกาย จากรายงานวิจัยพบว่าคนที่สูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด19 มากขึ้นกว่ำ 2 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่สูบเลย แต่ที่น่ากังวลคือเมื่อติดเชื้อแล้วจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลแทรกซ้อนที่นำไปสู่ความพิการแบบถาวรหลากหลายรูปแบบแก่ร่างกาย เช่นอัมพฤกษ์ อัมพาต หลอดเลือดสมองอุดตัน ซึ่งพบว่าหลอดเลือดใหญ่ในสมองอุดตันในผู้ป่วยที่สูบบุหรี่และติดเชื้อโควิด19 มีมากถึง 44 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อเกิดภาวะนี้ขึ้นแล้ว 30 เปอร์เซ็นต์จะลงเอยด้วยการเสียชีวิต ส่วน อีก 27 เปอร์เซ็นต์กลายเป็นอัมพาตต้องนอนติดเตียงไปตลอดชีวิต

            “นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงการอุดตันของหลอดเลือดแดงส่วนปลายมือปลายเท้าเกิดภาวะขาดเลือดของปลายมือปลายเท้าเสี่ยงต่อการถูกตัดมือตัดเท้ำ ไม่เพียงแค่นั้นคนที่สูบบุรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าแล้วติดเชื้อโควิด19 ยังมีโอกาสเป็นปอดบวมชนิดรุนแรงได้มากกว่าคนทั่วไปถึง2 เท่า และหากรอดมาได้ ปอดของคนเหล่านี้ก็จะพิการไปตลอดชีวิตปอดทำงานได้น้อยลงจากการที่เนื้อปอดถูกแทนที่ด้วยเยื่อพังผืด ความเสี่ยงเหล่านี้ คนที่สูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้ามีโอกาสเกิดมากกว่าคนไม่สูบบุหรี่ถึง 14 เท่า” รศ.นพ.สุทัศน์กล่าว

            ด้านตัวแทนสื่อมวลชนได้ร่วมซักถามและแสดงความเห็นที่หลากหลายและเห็นด้วยว่าสื่อมวลชนและผู้เกี่ยวข้องควรจะใช้โอกาสการระบาดของโควิด 19 สื่อสารให้เยาวชนและผู้ใหญ่ทั้งผู้สูบและไม่สูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าได้ตระหนักและเห็นความเสี่ยงของผู้สูบบุหรี่และคนใกล้ชิด ขณะเดียวกันก็ควรมีกรณรงค์ด้านอื่นๆเช่นมาตรการองค์กรสร้างแรงจูงใจเพิ่มเงินเดือนค่าตอบแทนหากเลิกบุหรี่ การสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้เข้าถึงบุหรี่ได้ยาก การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง รวมทั้งการสื่อสารให้รู้ว่ามีช่องทำงในการให้คำปรึกษาในการลด ละ เลิกบุหรี่ด้วย ซึ่งปัจจุบันมีบริการสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 ให้คำปรึกษาและหากต้องการบำบัดก็มีคลินิกฟ้าใส ร้านยำเภสัชอาสา ซึ่งปัจจุบันกรมควบคุมโรคได้จัดหายาเลิกบุหรี่ Varenicline ไว้ให้บริการโดยไม่คิดมูลค่าตามโรงพยาบาลต่างๆที่เข้าร่วมโครงการสำหรับผู้ที่มีโรคเรื้อรังและต้องการเลิกบุหรี่ด้วย

You may also like

“ภาพลวงตา” ส่งออกไทยพุ่ง 19% แต่รายได้ประชาชนไม่เพิ่ม-จีดีพีโตต่ำ 1.5% / “อลงกรณ์-เอฟเคไอไอ”เสนอ 4 ยุทธศาสตร์ยกเครื่อง ศก.ไทย

“ภาพลวงต