ประธานหอฯไทย-จีน ร่วมโชว์วิสัยทัศน์
บนเวทีสหประชาชาติ ณ เมืองเซินเจิ้น
“การเพิ่มการจัดหาเงินทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน -การมีส่วนร่วมของภาคเอกชน”
นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2567 ได้เดินทางเข้าร่วม “การประชุมเตรียมการสำหรับการประชุมสุดยอดอนาคตแห่งสหประชาชาติ” ที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน จัดโดย สหประชาชาติ-ประเทศจีน (The United Nations in China) ภายใต้การสนับสนุนของสมาพันธ์แต้จิ๋วระหว่างประเทศ และองค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจแต้จิ๋วระหว่างประเทศ
นายณรงค์ศักดิ์ ชี้แจงว่า การเดินทางเข้าร่วมประชุมดังกล่าว ได้รับเชิญร่วมแสดงวิสัยทัศน์ หัวข้อว่าด้วย “การเพิ่มการจัดหาเงินทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และวิธีการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน” ร่วมกับวิทยากรจากองค์กรภาคเอกชนต่างๆอีก 4 คน จึงเป็นโอกาสดีที่ได้แสดงบทบาทของหอการค้าไทย-จีน บนเวทีสหประชาชาติ
สำหรับประเด็นความร่วมมือทางธุรกิจและการค้าระหว่างไทยและจีนสามารถนําไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศในอาเซียนได้อย่างไร นั้น อาจกล่าวได้ว่า ไทยและจีนมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและเป็นมิตรมาอย่างยาวนาน และทั้งสองประเทศได้ร่วมมือกันอย่างแข็งขันในหลายด้าน เช่น การค้า การลงทุน และการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และจีนได้กลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย ติดต่อกันเป็นเวลา 12 ปี และจีนยังเข้ามาลงทุนในประเทศไทยสูงเป็นอันดับต้นๆของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
เป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนมีส่วนสำคัญ ความทันสมัยของจีนและการส่งเสริม “Belt and Road Initiative : BRI”คุณภาพสูง ความสำเร็จและการเปิดทางรถไฟจีน-ลาว รวมถึงการที่ไทยและจีนกําลังส่งเสริมการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงในส่วนของประเทศไทยอย่างแข็งขัน คาดว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์มากมายแก่ประเทศไทยและประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ
การเปิดและการดำเนินการของรถไฟจีน-ลาวได้ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ลงอย่างมาก ลดต้นทุนการขนส่ง สร้างเงื่อนไขที่สะดวกยิ่งขึ้นในการไหลเวียนของสินค้าและผู้คน และช่วยให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆของประเทศสมาชิกอาเซียน เช่น ไทยเข้าสู่ตลาดจีนได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น และยังสร้างแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพ สำหรับผลิตภัณฑ์ของจีนเพื่อขยายตลาดเข้าสู่อาเซียน โดยเฉพาะภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ได้รับประโยชน์อย่างมากจากความร่วมมือระหว่างไทยและจีนจากการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ และถนน ซึ่งสามารถปรับปรุงการขนส่งของประเทศสมาชิกอาเซียนได้ และเครือข่ายโลจิสติกส์เพื่อส่งเสริมการสื่อสารระหว่างประชาชน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการบูรณาการระดับภูมิภาคและการพัฒนาเศรษฐกิจ และวางรากฐานที่มั่นคงเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืน
ปัจจุบันนี้ ผู้ประกอบการจีน เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ยานยนต์ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตด้วยการนำเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในอาเซียน และตลาดโลก
การลงทุนของจีนในประเทศไทยและประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ โดยเฉพาะในภาคพลังงาน การผลิตและการเกษตร สามารถนําเงินทุนและเทคโนโลยีมาสนับสนุนการเติบโตและการพัฒนาที่ยั่งยืนของเศรษฐกิจท้องถิ่น จะมีบทบาทเชิงบวกในความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและการค้าในภูมิภาคและการยกระดับอุตสาหกรรม ภายใต้โอกาสและเงื่อนไขที่เอื้ออํานวยต่าง ๆ เป็นที่คาดการณ์ได้ว่าความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในหลายด้าน เช่น การแลกเปลี่ยนทางธุรกิจและการค้า การลงทุน การก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว พลังงานใหม่ เทคโนโลยีชั้นสูง อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน ฯลฯ มีศักยภาพและโอกาสที่สดใสไม่จํากัด และการค้าระหว่างไทยและจีนสามารถส่งเสริมการกระจายเศรษฐกิจและการขยายตลาดของประเทศในอาเซียน มีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจอาเซียนอย่างยั่งยืน
นักธุรกิจไทยเชื้อสายจีน และนักธุรกิจจีนในประเทศไทยจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจ การค้า การลงทุน เพื่อการมีส่วนร่วมในการสร้างประชาคมจีน-อาเซียนที่มีอนาคตร่วมกัน นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
Social Links