ผู้กำกับ-ดาราฮอลลิวูดตบเท้าร่วมแอนิเมชัน “Save Ralph” ยุติการใช้เครื่องสำอางที่ทดลองกับสัตว์

ผู้กำกับ-ดาราฮอลลิวูดตบเท้าร่วมแอนิเมชัน “Save Ralph” ยุติการใช้เครื่องสำอางที่ทดลองกับสัตว์

ผู้กำกับ-ดาราฮอลลิวูดตบเท้าร่วมแอนิเมชัน “Save Ralph”

ยุติการใช้เครื่องสำอางที่ทดลองกับสัตว์

                ผู้กำกับและนักแสดงฮอลลิวูด ร่วมแสดงพลังกับ Humane Society International (HSI) ในการสร้างสรรค์ “Save Ralph” แอนิเมชันแบบสต็อปโมชัน เพื่อรณรงค์ให้ทั่วโลกยุติการใช้เครื่องสำอางที่ทดลองกับสัตว์  ซึ่งถึงแม้จะมีผลบังคับใช้ใน 40 ประเทศแล้ว แต่ยังมีอีกหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ที่ยังคงมีการผลิตเครื่องสำอางโดยทดลองกับสัตว์อยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในบางประเทศมีการหันกลับมาทดลองกับสัตว์ ซึ่งหมายถึงว่ายังมีสัตว์จำนวนมากที่กำลังทุกข์ทรมานและเสียชีวิตโดยไม่มีเหตุจำเป็นอย่างเงียบ ๆ

                ไทก้า ไวติติ, ริคกี้ เกอร์เวส์, แซ็ค เอฟฟรอน, โอลิเวีย มันน์, ปอม คลีเมนทีฟ, ทริเซีย เฮลเฟอร์ และคนในวงการภาพยนตร์อีกมากมายร่วมมือกับ HSI เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในเรื่องอันโหดร้ายนี้ ด้วยการร่วมพากย์เสียงในแอนิเมชัน “Save Ralph” โดยตั้งใจเป็นกระบอกเสียงแทนเหล่าสัตว์ที่ต้องทนทุกข์กับการทดลอง และเชิญชวนผู้บริโภครวมถึงผู้กำหนดนโยบายมาร่วมมือกับ HSI ในการห้ามผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางที่ทดลองกับสัตว์ โดย สเปนเซอร์ ซัสเซอร์ ผู้เขียนบทและผู้กำกับจาก Hesher และ The Greatest Showman และผู้อำนวยการสร้างอย่าง เจฟฟ์ เวสปาร์ จาก Voice of Parkland มาร่วมมือกับสตูดิโอ Arch Model เพื่อมอบชีวิตให้กับเจ้ากระต่ายราล์ฟ โดยจะถ่ายทอดในภาษาโปรตุเกส สเปน ฝรั่งเศส และเวียดนาม ร่วมกับ โรดริโก้ ซานโตโร เดอนี วีลเนิฟว์ และนักพากย์อีกมากมายในภาษาต่าง ๆ พร้อมกันนี้ยังมีเวอร์ชั่นคำบรรยายในภาษาต่าง ๆ ในเอเชีย ได้แก่ ภาษาไทย เขมร ลาว อินโดนีเซียและมาเลเซียอีกด้วย นอกจากนี้นักแสดงสาว แม็กกี้ คิว ยังร่วมส่งคลิปวิดิโอเพื่อส่งต่อข้อความเพื่อสนับสนุนการรณรงค์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน

                เจฟฟรีย์ ฟล็อคเคน ประธานกรรมการองค์การ Humane Society International กล่าวว่า “Save Ralph เป็นสัญญาณเตือนให้เราตระหนักถึงความทุกข์ทรมานของสัตว์ทดลองเครื่องสำอาง ซึ่งบัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องร่วมมือกับยุติการทารุณกรรมนี้พร้อมกันทั่วโลก เพราะทุกวันนี้เรามีผลิตภัณฑ์ทางเลือกจำนวนมากที่เชื่อถือได้ และมีความปลอดภัยในการใช้งานโดยไม่ทำการทดลองกับสัตว์ ดังนั้นจึงไม่ควรมีข้ออ้างใด ๆ ที่จะต้องสร้างความทรมานให้แก่สัตว์ อย่าง ราล์ฟ ในกระบวนการทดลองเครื่องสำอางหรือส่วนผสมต่างๆ”

                ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญรณรงค์จาก HSI โดยมีกระต่ายราล์ฟเป็นตัวละครหลัก ซึ่งให้เสียงพากย์โดย ไทกา ไวติติ ถ่ายทอดผ่านการสัมภาษณ์ถึงชีวิตประจำวันในฐานะ “สัตว์ทดลอง” ในห้องแล็บ แคมเปญ #SaveRalph สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อต่อต้านการทดลองกับสัตว์ โดยใช้วิธีการบอกเล่าเรื่องราวและนำเสนอในรูปแบบแปลกใหม่ ซึ่งมีเจ้ากระต่ายราล์ฟเป็นตัวดำเนินเรื่อง เพื่อให้ผู้คนได้เห็นสภาพของสัตว์ทดลองจำนวนนับไม่ถ้วน ที่ต้องเผชิญกับความทรมานที่เกิดขึ้นใน แล็บทดลองทั่วโลก แคมเปญนี้ช่วยกระตุกใจผู้คนให้มาเป็นส่วนหนึ่งในการต่อต้านการทดลองกับสัตว์ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแบบถาวร

                สเปนเซอร์ ซัสเซอร์ ผู้กำกับ กล่าวว่า “ตัวสัตว์ทดลองเองไม่มีทางเลือก ดังนั้นจึงเป็นความรับผิดชอบของเราที่จะต้องทำอะไรสักอย่าง เมื่อเรามีโอกาสทำแคมเปญร่วมกับ Humane Society International ผมคิดว่าการเล่าเรื่องราวผ่านแอนิเมชันแบบสต็อปโมชันเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการถ่ายทอดเนื้อหาเหล่านี้ หากคุณได้รู้ความจริงว่าสัตว์ทดลองถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายขนาดไหน คุณจะทนดูมันไม่ได้แน่ ๆ สิ่งที่ผมตั้งใจไว้คือให้แอนิเมชันเรื่องนี้ช่วยให้เราได้ส่งต่อความจริงในรูปแบบที่ไม่หนักเกินไปนัก ผมหวังว่าคนดูจะตกหลุมรักราล์ฟ และอยากร่วมมือกันสู้เพื่อราล์ฟ และสัตว์อื่น ๆ ที่เผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกัน และเราต้องช่วยกันยุติการทดลองกับสัตว์แบบถาวร”

                คลอเดีย ดัง ถิ เฟือง เถา ผู้จัดการแคมเปญแห่ง Humane Society International ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “#SaveRalp” เป็นโครงการสาธารณะระดับโลกที่จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนและรณรงค์ในการสร้างความตระหนักรู้ถึงความทุกข์ทรมานอันเลวร้ายที่สัตว์ต้องทนในการทดสอบเครื่องสำอาง แคมเปญนี้จึงเป็นเครื่องเตือนใจให้ผู้ออกกฎหมายเห็นความจำเป็นที่ต้องมีการห้ามการทดลองในสัตว์อย่างจริงจัง เพราะไม่ควรมีสัตว์ตัวไหนต้องทนทรมานหรือตายเพื่อความงามอีกต่อไป เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา ผลสำรวจจาก Ipsos โดย Humane Society International แสดงให้เห็นว่าในอาเซียนได้มีการร่วมกันต่อต้านการทดลองกับสัตว์ในกระบวนการผลิตเครื่องสำอางโดยกว่า 83% เป็นเสียงจากคนไทย และโดยเฉลี่ย 87% เป็นเสียงจากผู้คนจากประเทศต่าง ๆ ทั่วอาเซียน และเราขอให้ทุกคนช่วยเป็นกระบอกเสียงให้ราล์ฟ ด้วยการช่วยกันแชร์แอนิเมชันนี้”

                ทรอย เซเดิล รองประธานด้านการการวิจัยและพิษวิทยา องค์กร HSI กล่าวว่า “มันง่ายมากที่จะพูดว่าบริษัทที่ยังทำการทดลองกับสัตว์คือต้นตอของปัญหา แต่ในความเป็นจริงองค์กรเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาเช่นกัน ก่อนอื่นเราต้องเปลี่ยนแปลงกฎหมาย และตอนนี้เรากำลังทำงานร่วมกันกับผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง อย่าง Lush, Unilever, P&G, L’Oréal และ Avon เพื่อรณรงค์ต่อต้านการทดลองกับสัตว์ในตลาดเครื่องสำอางที่ทรงอิทธิพลระดับโลกอีกหลายแห่ง โดยมีเจ้ากระต่ายราล์ฟ มาเป็นกระบอกเสียง เพื่อช่วยร่วมผลักดันกฎหมายนี้ให้สำเร็จ”

                นอกจากนี้ แม็กกี้ คิว นักแสดงฮอลลิวูดยังกล่าวว่า “ฉันเชื่อในความเป็นมนุษย์ และฉันรู้สึกว่า ถ้าพวกเขาได้รับรู้ถึงความทรมานอันแสนสาหัสที่เหล่าสัตว์ทดลองต้องเผชิญเพื่อความงามแล้ว มนุษย์เองก็คงจะต้องการอะไรที่แตกต่างออกไป เนื่องจากการทดลองเครื่องสำอางในสัตว์นั้นยังถูกกฎหมายอยู่ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฉันจึงขอเชิญชวนให้ผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ ระมัดระวังในการซื้อมากขึ้น สำหรับฉันแล้ว ฉันรู้ดีว่าไม่จำเป็นต้องใช้สินค้าที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายเพื่อความงามเลย และฉันว่าคุณเองก็คงเหมือนกัน มาส่งเสียงเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกันนะคะ!!”

                แคมเปญชิ้นนี้มุ่งสื่อสารไปที่ 16 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ บราซิล แคนาดา ชิลี เม็กซิโก แอฟริกาใต้ และ 10 ประเทศทั่วภูมิภาคอาเซียน รวมถึงองค์กรพันธิตรต่างๆ เช่น Humane Society แห่งสหรัฐอเมริกา และ Humane Society Legislative Fund ในการผลักดันกฎหมายในสหรัฐอเมริกา โดย HSI ยืนหยัดเพื่อสนับสนุนการรณรงค์ต่อต้านนี้ เช่นที่เคยเกิดขึ้นในยุโรปมาแล้วเมื่อผู้มีอำนาจได้พยายามอุดช่องโหว่ทางกฎหมายด้วยการเรียกร้องให้มีการทดสอบส่วนผสมเครื่องสำอางในสัตว์ให้อยู่ภายใต้กฎหมายเคมี โดย #SaveRalph นั้นจะเป็นเหมือนสปอตไลท์ที่ส่องแสงสว่างไปยังประเทศต่าง ๆ เพื่อผลักดันอนาคตที่ปราศจากการทรมานสัตว์ดังที่ประชาชนและผู้บริโภคคาดหวัง

Ralph, spokes-bunny for HSI's global campaign to ban cosmetic testing on animals

            เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสัตว์ทดลองในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง

                ผลสำรวจล่าสุดระบุว่า 83% ของคนไทย สนับสนุนการต่อต้านการทดลองในสัตว์

            ในบางประเทศ กระต่ายอย่างราล์ฟยังคงถูกล็อคคอเพื่อทดลองเครื่องสำอางด้วยการหยดส่วนผสมลงในตาและผิวหนังที่โดนโกนขนทิ้ง โดยหนูตะเภาและหนูชนิดอื่นเองก็ต้องถูกโกนขนเช่นเดียวกัน เพื่อทำการทดสอบเคมีลงบนผิวหนังหรือบนหู โดยไม่มีสัตว์ตัวไหนเลยที่ได้รับยาแก้ปวด และสุดท้ายพวกมันก็ต้องถูกฆ่าทั้งหมด

            ใน 40 ประเทศทั่วโลก ได้ยกเลิกการทดลองกับสัตว์ในกระบวนการผลิตเครื่องสำอางแล้ว โดย HSI และพันธมิตรเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินการผลักดันการรณรงค์ต่อต้านในประเทศอินเดีย ไต้หวัน นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ กัวเตมาลา ออสเตรเลีย และ 10 รัฐในบราซิล รวมถึงประเทศตุรกี อิสราเอล นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ สวิสเซอร์แลนด์และในสหรัฐอเมริกาอย่างรัฐแคลิฟอเนีย อิลลินอยส์ เนวาดา และเวอร์จิเนีย  ก็ไม่มีการทดลองกับสัตว์แล้วเช่นกัน

            มีแบรนด์เครื่องสำอางกว่า 2,000 แบรนด์ทั่วโลกที่ไม่มีการทดลองกับสัตว์ และได้ชื่อเป็นเครื่องสำอางที่ปราศจากความโหดร้าย (Cruelty-free) ซึ่งรวมถึง Lush, Garnier, Dove, Herbal Essences และ H&M บริษัทเหล่านี้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย โดยใช้ส่วนผสมที่ผ่านการใช้งานอย่างปลอดภัยมาแล้วร่วมกับเครื่องมือประเมินความปลอดภัยในการใช้งานที่ทันสมัยโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการทดลองกับสัตว์ ทั้งนี้ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีคู่มือการแนะนำการซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกออกมา ดังนั้น HSI จึงขอแนะนำ LeapingBunny.org เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลอันเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภค

                HSI เตือนว่า แม้แต่เครื่องสำอางที่ปราศจากความโหดร้ายก็ยังมีความเสี่ยง หากกฎหมายความปลอดภัยของสารเคมี ยังคงเรียกร้องให้มีการทดสอบส่วนผสมทางเคมีใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในสัตว์ทดลอง นั่นเป็นเหตุผลที่แคมเปญ #SaveRalph ให้ความสำคัญกับการต่อต้านการทดสอบกับสัตว์อย่างเข้มงวด

            นอกเหนือจากการดำเนินการตามกฎหมาย HSI และพันธมิตรของเรากำลังร่วมมือกันเพื่อพัฒนาโปรแกรมการฝึกอบรมในการประเมินความปลอดภัยที่ปราศจากการทดลองกับสัตว์เพื่อสนับสนุนบริษัทขนาดเล็กและหน่วยงานของรัฐให้เปลี่ยนจากการทดลองกับสัตว์ไปสู่วิธีการอื่นที่ไม่มีสัตว์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นวิธีการที่ทันสมัย พร้อมใช้งานและมั่นใจว่าจะมีความปลอดภัยกับมนุษย์ได้ดีกว่าการทดสอบกับสัตว์

You may also like

“รอยัล เกทเวย์”เปิดตัว”โอเกะ-โอเกะ” จับมือ“โลตัส”บุกตลาดน้ำอัดลม No Sugar

“รอยัล เ